×

แกเร็ธ เบล นักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งบริเตน?

10.01.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MIN READ
  • แกเร็ธ เบล เป็นนักฟุตบอลที่เป็นที่ถกเถียงกันมาสักพักว่าสมควรจะได้รับการขนานนามว่า นักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเกาะบริเตนใหญ่หรือไม่
  • เบลทำแฮตทริกได้ในเกมกับอินเตอร์ มิลาน ซึ่งแม้สเปอร์สจะแพ้ 3-4 แต่ชื่อของเขากลายเป็นชื่อที่ทุกคนพูดถึงในเช้าวันถัดมา และยิ่งพูดกันดังขึ้นไปอีกหลังเกมที่ 2 และคำล้อเลียน ‘Taxi for Maicon’
  • ชีวิตในมาดริดไม่ได้สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น อาการบาดเจ็บ การแก่งแย่งชิงตำแหน่งในทีมกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ เงามหึมาของโรนัลโด ก็ว่าหนักแล้ว แต่ไม่เท่ากับความเย็นชาจากเหล่ากองเชียร์โลส เมเรงเกส ที่ไม่เคยมีความรักให้แก่เขาแม้สักนิด
  • ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาคือ การพาเวลส์เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ ยุติช่วงเวลาแห่งการรอคอยอันยาวนานถึง 64 ปีที่ไม่เคยมียอดนักเตะเวลส์คนไหนทำได้มาก่อน เป็นการทำความฝันชั่วชีวิตให้กลายเป็นความจริง

ชื่อของ แกเร็ธ เบล ไม่ได้ถึงกับเป็นความลับของวงการฟุตบอลอังกฤษ เมื่อเสียงร่ำเสียงลือถึงความเก่งกาจของเด็กผู้มีเท้าซ้ายมหัศจรรย์จากคาร์ดิฟฟ์ให้ได้ยินมาระยะใหญ่

 

บิดเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว รายการ BBC Wales Today มีโอกาสตามไปทำสกู๊ปสัมภาษณ์เด็กหนุ่มน้อยหน้าใสชาวเวลส์ ที่ครอบครัวขับรถออกจากบ้านที่คาร์ดิฟฟ์เพื่อไปฝึกซ้อมที่เมืองเซาแธมป์ตัน ทางตอนใต้เกือบสุดเกาะบริเตนใหญ่

 

มันเป็นการเดินทางที่ยาวไกลแต่ก็สั้นนักเมื่อเทียบกับการเดินทางในอีก 17 ปีของ แกเร็ธ เบล นักฟุตบอลที่เป็นที่ถกเถียงกันมาสักพักว่าสมควรจะได้รับการขนานนามว่า นักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเกาะบริเตนใหญ่หรือไม่

 

แต่ก่อนนั้น ณ จุดเริ่มต้นสมญานามแรกที่เขาได้รับการขนานนามคือ ‘เบ็คแฮมแห่งเวลส์’

 

สมญานี้ได้มาในช่วงต้นของฤดูกาล 2006/07 เมื่อเซาแธมป์ตันบุกไปเยือนดาร์บี เคาน์ตี ที่สนามไพรด์พาร์ก ในเกมระดับเดอะแชมเปียนชิป ใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นของเดือนสิงหาคมและใบหญ้าเขียวขจีที่ยังไม่บอบช้ำ เพราะฤดูกาลอันยาวนานของเกมฟุตบอลเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

 

เกมนั้นดาร์บีขึ้นนำไปก่อน 1-0 และดูจะพอใจกับสกอร์ดังกล่าว แต่แล้วทีมนักบุญแดนใต้ก็ได้ฟรีคิกในระยะ 25 หลา

 

ผู้ที่รับหน้าที่คือเบล แบ็กซ้ายดาวรุ่งวัยแค่ 17 ปีที่เพิ่งจะได้โอกาสลงเล่นตัวจริงเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิต ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรในความรู้สึกของแฟนดาร์บี และอาจจะรวมถึง ลี แคมป์ ผู้รักษาประตูของทีมแกะเขาเหล็กในวันนั้นด้วย

 

ปรากฏว่าเบลวิ่งเข้ามาหวดลูกบอล ก่อนที่วิถีของมันจะวาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ และเสียบเข้าสามเหลี่ยมอย่างเหมาะเหม็งในสไตล์ Bend it Like Beckham

 

แกเร็ธ เบล ฉลองประตูแรกในชีวิตการเล่นของเขาด้วยฟรีคิกสุดสวย

 

แต่เขาไม่ได้หยุดแค่นั้น อีก 3 วันถัดมาในเกมที่เซาแธมป์ตันพบกับโคเวนทรี ซิตี้ ทีมได้ฟรีคิกอีกครั้ง ซึ่งแม้คราวนี้ระยะจะไกลขึ้นอีก 10 หลา แต่ไอ้หนุ่มที่ปาดเจลทำผมทรง Spike หรือภาษาไทยน่าจะเรียกกันว่าทรงหัวแห้วในยุคนั้น ก็ปั่นบอลวาดเส้นโค้งเสียบสามเหลี่ยม ทำเอา แอนดี มาร์แชลล์ ผู้รักษาประตูผู้มีประสบการณ์ ไม่ได้แค่เสียประตู แต่ยังเสียทรงอีกด้วย

 

เท่านั้นเองที่ชื่อเสียงของ แกเร็ธ เบล บักหำน้อยแห่งเวลส์ ก็ได้เป็นที่รู้จักของชาวอังกฤษในวงกว้างขึ้นมา แม้ว่าสำหรับชาวเวลส์แล้วพวกเขาได้ตื่นเต้นกับเด็กคนนี้มาก่อนแล้ว เพราะถูกเรียกตัวติดทีมชาติในเกมอุ่นเครื่องกับตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีเดียวกันก่อนที่จะอายุครบ 17 ปีเสียอีก

 

ประตูแรกกับทีมชาติเวลส์ก็ตามมาในเดือนตุลาคม ซึ่งก็ไม่ต่างจากประตูที่ยิงใส่ดาร์บีและโคเวนทรี เมื่อเบลปั่นฟรีคิกเสียบสามเหลี่ยมสโลวาเกีย กลายเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมมังกรแดงได้ แม้ว่าในวันนั้นพวกเขาจะพ่ายแพ้ย่อยยับถึง 1-5 ก็ตาม

 

หลังจากนั้นไม่นาน เบลซึ่งถูกทีมใหญ่รุมล้อมเต็มไปหมด ได้เลือกที่จะย้ายไปท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในฐานะ ‘วันเดอร์คิด’ คนใหม่จากเซาแธมป์ตัน ต่อจาก ธีโอ วัลคอตต์ ซึ่งย้ายไปอาร์เซนอลหลังถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษไปฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี

 

เรื่องราวของเบลกับสเปอร์สก็เกือบจะคล้ายเรื่องราวของวัลค็อตต์กับทีมกันเนอร์ส เมื่อเขาประสบปัญหากับชีวิตในถิ่นไวท์ฮาร์ทเลนที่เหมือนต้องคำสาป ซึ่งนอกจากเรื่องของอาการบาดเจ็บที่ตามรบกวนตลอดเวลาแล้ว ยังมีเรื่องบ้าบอที่ยากจะเชื่ออีก

 

ในช่วง 2 ปีแรกมีสถิติที่เหลือเชื่อว่า หากเขาได้โอกาสในการลงสนามสเปอร์สไม่เคยชนะเลยในเกมพรีเมียร์ลีก คิดเป็นจำนวนเกมถึง 24 นัด ซึ่งแม้แต่ แฮร์รี เรดแนปป์ ผู้จัดการทีมในขณะนั้นเอง ก็ยอมรับสารภาพว่าเรื่องนี้รบกวนจิตใจของเขาอย่างมากว่าจะส่งเบลลงสนามหรือไม่

 

มันทำให้เบลเกือบที่จะย้ายออกจากเดอะ เลน อยู่แล้ว แต่โชคดีสำหรับสเปอร์สที่ได้ค้นพบพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของนักเตะคนนี้ที่มีดีมากกว่าการยิงฟรีคิกแบบ เดวิด เบ็คแฮม

 

เกมดังกล่าวเป็นเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งสเปอร์สไปเยือนจูเซ็ปเป เมียสซา สนามของแชมป์เก่าอินเตอร์ มิลาน และเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ไกลถึง 0-4 แต่วันนั้นเองที่เบล ได้โชว์เพลงแข้งที่สะเด่าที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต เมื่อขยับจากแบ็กซ้ายขึ้นมาเป็นปีกซ้าย และจัดการ ‘เผา’ นักเตะอินเตอร์จนเรียบ

 

 

เบลแจ้งเกิดเต็มตัวจากเกมนี้

 

เบลทำแฮตทริกได้ในเกมดังกล่าว ซึ่งแม้สเปอร์สจะแพ้ 3-4 แต่ชื่อของเขากลายเป็นชื่อที่ทุกคนพูดถึงในเช้าวันถัดมา และยิ่งพูดกันดังขึ้นไปอีกหลังเกมที่ 2 ซึ่งสเปอร์สเอาชนะอินเตอร์ได้ 3-1 โดยในเกมนี้เขาทำลายชีวิตการเล่นของไมคอน หนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดของยุคนั้นอย่างสิ้นเชิงด้วย 2 ประตูที่เป็นฝันร้ายและคำล้อเลียน ‘Taxi for Maicon’

 

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เบลไม่เคยหันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย สายตาของเขามองไปข้างหน้า โลกได้ค้นพบปีกซ้ายที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะนอกจากจะมีเท้าซ้ายอันมหัศจรรย์ที่พร้อมจะยิงประตูที่เหลือเชื่อได้จากทุกระยะ ยังมีความเร็วเหมือน The Flash ที่สามารถฉีกทำลายเกมรับคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

 

ในช่วงนั้นคำถามสำหรับเบลคือ เขาจะสามารถก้าวไปทาบชั้น ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งเป็น 2 นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดได้หรือไม่

 

ทางเดียวที่จะรู้ได้คือการไปพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งหลังจากที่พยายามรั้งตัวเอาไว้อยู่พักใหญ่ ในที่สุดสเปอร์สก็ต้องยอมเปิดทางให้เบลได้ย้ายไปเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลก 85.3 ล้านปอนด์ในปี 2013

 

น่าเสียดายสำหรับเบลที่ชีวิตในมาดริดไม่ได้สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น

 

อาการบาดเจ็บ การแก่งแย่งชิงตำแหน่งในทีมกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ เงามหึมาของโรนัลโด ก็ว่าหนักแล้ว แต่ไม่เท่ากับความเย็นชาที่เขาต้องเผชิญตลอดระยะชีวิตการเล่นที่ซานติอาโกเบร์นาเบว จากเหล่ากองเชียร์โลส เมเรงเกส ที่ไม่เคยมีความรักให้แก่เขาแม้สักนิด

 

ไม่พูดภาษาสเปนในการให้สัมภาษณ์ ไม่ยอมสังสรรค์กับเพื่อนร่วมทีม เอาแต่ตีกอล์ฟ ไม่พร้อมจะลงสนาม คือความผิดสำเร็จในความรู้สึกของมาดริดิสตา

 

เบลถึงขั้นต้องเจอ ‘คุกเย็น’ ในช่วงที่ ซีเนดีน ซีดาน คุมทัพ ไม่มีโอกาสได้ลงสนามจนกลายเป็นตัวสำรองที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลา 9 ปีในเบร์นาเบว เขามีส่วนกับความสำเร็จของทีมไม่น้อย

 

ลูกจักรยานอากาศในเกมนัดชิงแชมเปียนส์ลีก คือหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดที่เบลเคยทำได้

 

แชมเปียนส์ลีก 5 สมัย, ลาลีกา 3 สมัย, โกปาเดลเรย์ 1 สมัย

 

106 ประตู (ยิงได้มากกว่า โรนัลโด นาซาริโอ) กับ 65 แอสซิสต์ (น้อยกว่า ซีเนดีน ซีดาน แค่ครั้งเดียว) จากการลงสนามแค่ 256 นัดในรอบ 9 ปี

 

ไหนจะความทรงจำอันสวยงาม ประตูชัยในเกมนัดชิงโกปาเดลเรย์ที่โชว์ความมหัศจรรย์วิ่งตีวงอ้อม มาร์ค บาทรา ก่อนจะฉีกหนีด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ และส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย

 

ลูกตีลังกายิงในนัดชิงแชมเปียนส์ลีก (และลูกยิงไกลสุดสนั่นที่ ลอริส คาริอุส รับไม่อยู่) ที่ดับฝันลิเวอร์พูลในปี 2018

 

ความสำเร็จเหล่านี้มากพอที่จะบอกได้ว่า เบลคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาะบริเตนที่ออกไปวาดลวดลายบนยุโรปแผ่นดินใหญ่ ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าตำนานผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต

 

แต่ความสำเร็จเหล่านี้สำหรับเบลแล้ว มันไม่อาจเทียบได้เลยกับสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด นั่นคือการที่สามารถพาเวลส์กลับมาเล่นฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ได้อีกครั้ง

 

ในปี 2016 เบลพาเวลส์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในรอบ 58 ปีนับจากฟุตบอลโลก 1958 ที่ประเทศสวีเดน

 

เขาและมังกรแดงสร้างปรากฏการณ์ด้วยการไปถึงรอบรองชนะเลิศได้อย่างน่าประทับใจ

 

หลังจากนั้นแม้จะมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดกับเรอัล มาดริด แต่ทุกครั้งที่ได้กลับมาเล่นให้เวลส์ เบลจะกลับมามีความสุขเสมอ เรียกได้ว่าการเล่นในสีเสื้อทีม ‘Cymru’ คือเซฟโซนสำหรับเขา และเป็นที่ที่เขาจะไม่ยอมทำให้ใครผิดหวังอีกอย่างเด็ดขาด

 

เบลพาทีมเข้ารอบฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ 2 แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาคือการพาเวลส์เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ ยุติช่วงเวลาแห่งการรอคอยอันยาวนานถึง 64 ปีที่ไม่เคยมียอดนักเตะเวลส์คนไหนทำได้มาก่อน เป็นการทำความฝันชั่วชีวิตให้กลายเป็นความจริง

 

ระหว่างนั้นแม้จะมีอาการบาดเจ็บ เบลซึ่งเป็นอิสระจากมาดริดได้ย้ายไปผจญภัยเล็กๆ กับแอลเอ เอฟซี ในเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ และมีส่วนสำคัญในการลงมาเป็นคนเปลี่ยนแปลงโชคชะตาด้วยการโหม่งประตูตีเสมอในนัดชิง MLS Cup ก่อนที่ทีมจะคว้าแชมป์ได้ในการดวลจุดโทษ

 

ก่อนที่จะนำเวลส์ลงวาดลวดลายในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งแม้จะน่าผิดหวังเพราะทีมตกรอบแรก แต่อย่างน้อยเบลก็ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว รวมถึงทำประตูได้ด้วยจากลูกจุดโทษในเกมที่พบกับสหรัฐอเมริกา

 

พาทีมชาติเวลส์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี

 

นั่นทำให้ชีวิตนี้ของเขาไม่มีอะไรให้ไขว่คว้าอีกแล้ว และเมื่อร่างกายส่งเสียงเพรียกให้เขาพอและพักเสียที

 

แกเร็ธ เบล จึงตัดสินใจที่จะรับฟังเสียงนั้น ขอแขวนสตั๊ดคู่เก่งของเขาเอาไว้แค่ตรงนี้

 

การเดินทางที่ยาวนาน 17 ปีของเด็กหนุ่มจากเนินเขาในคาร์ดิฟฟ์ ที่กลายเป็นวีรบุรุษของชาวเวลส์จึงสิ้นสุดลง

 

คำถามว่า เขาเก่งที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด ในหมู่นักเตะจากบริเตนไหม? หรือหากเขายังรักษาความมุ่งมั่นได้เขามีโอกาสจะไปได้ไกลกว่านี้ไหม? เป็นเรื่องของคนอื่นที่จะถกเถียงหาคำตอบกันเอาเอง

 

สำหรับ แกเร็ธ เบล เขาพอใจแค่นี้ แค่นี้ก็มากพอแล้ว

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising