×

ฟรานซิส ผู้ต้องหาคดีขวางขบวนเสด็จฯ เขียนเปิดใจลงนิตยสาร Time ยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์

โดย THE STANDARD TEAM
12.11.2020
  • LOADING...
ฟรานซิส ผู้ต้องหาคดีขวางขบวนเสด็จฯ เขียนเปิดใจลงนิตยสาร Time ยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์

HIGHLIGHTS

2 mins. read
  • บุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 จากกรณีการถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จฯ เขียนบทความเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของนิตยสาร Time วันที่ 12 พฤศจิกายน เปิดใจถึงการโดนข้อกล่าวหา บอกเล่าเรื่องราวในวันเกิดเหตุระหว่างถูกควบคุมตัว พร้อมย้ำว่าตัวเขาคือผู้บริสุทธิ์
  • “ผมสนับสนุนการประท้วงอย่างสุดหัวใจ ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมรู้แค่ว่าการที่ประชาชนเริ่มออกมารวมตัวกันเรียกร้องสิ่งที่ดีขึ้นนั้นได้จุดประกายความหวังให้กับผม ที่จะเห็นประเทศนี้เป็นระเทศที่ประชาชนจะสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้” ฟราสซิสเปิดเผยผ่านบทความ

เจตน์สฤษฎิ์ ฟ. กฤตภาสิทธิ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฟรานซิส-บุญเกื้อหนุน เป้าทอง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 จากกรณีการถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จฯ ที่เคลื่อนผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เขียนบทความเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของนิตยสาร Time วันที่ 12 พฤศจิกายน เปิดใจถึงการโดนข้อกล่าวหา บอกเล่าเรื่องราวในวันเกิดเหตุระหว่างถูกควบคุมตัว พร้อมย้ำว่าตัวเขาคือผู้บริสุทธิ์

 

ฟรานซิสเล่าความรู้สึกลงในบทความ ย้อนไปถึงแนวคิดทางการเมืองของตัวเองและครอบครัว เขาเผยว่าครอบครัวเขารวมทั้งตัวเขาเองค่อนไปในทางอนุรักษนิยม แต่หลังจากได้ติดตามการเมืองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯ รวมถึงเริ่มมองเห็นข้อเสียของระบอบเผด็จการทหารทำให้มุมมองเปลี่ยนไป 

 

นอกจากนี้เขายังค่อยๆ มีทัศนคติที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำให้เขามองต่างจากพ่อแม่

 

แต่ถึงอย่างไรฟรานซิสก็เผยในบทความว่า เขาไม่มีแนวคิดที่จะล้มล้างสถาบันแต่อย่างใด และเมื่อการชุมนุมประท้วงเริ่มยกระดับข้อเรียกร้อง เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขายังปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะยังคงไม่มีภัยอันตรายอื่นใด

 

ขณะที่พ่อและแม่ของเขาก็ย้ำกับเขาว่า ถึงจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐธรรมนูญ แต่อย่าไปแตะต้องสถาบันเด็ดขาด

 

ฟรานซิสได้เปิดเผยต่อมาถึงรายละเอียดเหตุการณ์ในวันที่เขาไปเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม โดยบอกว่าในตอนนั้นเขาอยู่กับกลุ่มต่อต้านนโยบายจีนเดียวในไทย (Anti One China-Thailand) ซึ่งไปทำกิจกรรมขายของระดมทุน และได้มีเหตุชุลมุนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเล็กน้อย จนกระทั่งเริ่มมองเห็นขบวนเสด็จฯ กำลังเคลื่อนเข้ามา เขาจึงรีบตะโกนบอกผู้ชุมนุมให้ออกห่างจากแนวกั้นของตำรวจ เพื่อให้ขบวนเสด็จฯ ผ่านไปได้ 

 

ขณะเดียวกันพ่อและแม่ของฟรานซิสก็เห็นเขาบนหน้าจอโทรทัศน์ จึงรีบโทรเรียกเขากลับบ้าน และได้มีปากเสียงกันเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว 

 

ฟรานซิสเล่าผ่านบทความว่า เขาและครอบครัวรู้สึกตกใจมากที่ตัวเขาโดนข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี ซึ่งทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนบอกกับเขาว่า เป็นคดีที่ไม่เคยเห็นใครโดนมาก่อน และประชาชนคนธรรมดาที่โดนข้อกล่าวหานี้ล่าสุดก็เกิดขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีมาแล้ว ก่อนที่เขาจะเดินทางไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเองพร้อมความคิดที่ว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ขณะที่ทนายความของเขาบอกว่า “อย่าไปคาดหวังอะไรมากนัก” 

 

ระหว่างถูกควบคุมตัวเขามีโอกาสได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแกนนำการชุมนุม รวมทั้งตัวแทน ส.ส. ฝ่ายค้าน และยังได้รับกำลังใจอย่างไม่คาดคิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บอกกับเขาว่า “สู้ต่อไป ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” ฟรานซิสยังบอกด้วยว่า ในตอนนั้นเขายังมีกำลังใจที่ดี และยังคุยเล่นมุกตลกกับคนอื่นๆ ได้

 

ฟรานซิสยังเล่าถึงบรรยากาศในวันขึ้นศาล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในชีวิต พร้อมเล่าถึงการพบกับ เอกชัย หงส์กังวาน ที่โดนข้อหาเดียวกัน โดยเอกชัยได้ให้คำแนะนำหลายอย่างกับเขา จากประสบการณ์ที่เคยตกเป็นนักโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้ว ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกภายหลังทั้งคู่ถูกดำเนินคดี ฟรานซิสและเอกชัยไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่อย่างใด

 

ฟรานซิสได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยล่าสุดศาลอาญายกคำร้องฝากขังชั่วคราว และต้องรอการนัดวันเวลาดำเนินการที่ศาลอาญาอีกครั้ง เขาคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการยกฟ้อง พร้อมกับตอกย้ำอย่างหนักแน่นในบทความว่า ตัวเขาเองคือผู้บริสุทธิ์ เขาเปิดเผยความคิดเห็นส่วนตัวว่า “พวกเขาพยายามจะเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ผมกล้าพูดเลยว่ามันจะทำให้ผู้คนโกรธเกรี้ยวมากขึ้น”

 

นอกจากนี้ฟรานซิสยังเผยว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สุขภาพจิตของผมย่ำแย่ แต่ผมก็ไม่เสียใจที่ไปร่วมชุมนุมในวันนั้น เพราะผมเพียงแค่ไปแสดงสิทธิเสรีภาพของตัวเองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง” 

 

ฟรานซิสบอกในตอนท้ายด้วยว่า “ผมสนับสนุนการประท้วงอย่างสุดหัวใจ ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมรู้แค่ว่า การที่ประชาชนเริ่มออกมารวมตัวกันเรียกร้องสิ่งที่ดีขึ้นนั้นได้จุดประกายความหวังให้กับผม ที่จะเห็นประเทศนี้เป็นระเทศที่ประชาชนจะสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้” 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising