×

สี่กุมาร ยุติบทบาทกับพลังประชารัฐ แต่ยังเป็นรัฐมนตรี เผยภารกิจลุล่วง ส่งประยุทธ์เป็นนายกฯ ช่วงรอยต่อ

09.07.2020
  • LOADING...

วันที่ (9 กรกฎาคม) ที่โรงแรมเซ็นทารา เซ็นทรัลลาดพร้าว กลุ่มสี่กุมารในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งประกอบด้วยอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

 

อุตตม เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตามที่พวกเราได้ปฏิบัติภารกิจในการบริหารและฝ่ายการเมืองในนามของพรรคพลังประชารัฐ วันนี้จึงขอตัดสินใจยุติบทบาททางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ 

 

“ที่ผ่านมากว่า 2 ปี เราเป็นแกนนำจัดตั้งพรรคร่วมกัน โดยมีความตั้งใจในขณะนั้นว่าต้องการทำงานการเมืองเพื่อประเทศ โดยมีเจตนารมณ์สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำประเทศเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ในช่วงนั้นจนมาถึงปัจจุบัน”

 

อุตตมกล่าวอีกว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมีความก้าวหน้า และสานต่อนโยบายสร้างพรรคเพื่อเป็นสถาบันทางการเมืองที่รวมคนหลายกลุ่มหลากหลายสาย ภารกิจของพวกเราทั้ง 4 คนได้ลุล่วงไปแล้ว และมีคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ที่พร้อมนำพาพรรคเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ จึงคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่พวกเราจะหยุดภารกิจทางการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่ายังทำงานในด้านฝ่ายบริหารตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และจะทำหน้าที่ในนามคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ทำงานให้ประเทศชาติและประชาชนที่กำลังเผชิญสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 

 

อุตตมกล่าวยืนยันว่า ตนไม่มีความคิดตั้งกลุ่มทางการเมืองในเวลานี้ เพราะวันนี้ขอทำงานภารกิจที่มีอย่างเต็มที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ส่วนที่ยังไม่ได้ลาออกจากรัฐมนตรีนั้น มองว่าการลาออกจากพรรคไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร และหากมีการปรับเปลี่ยนในอนาคตก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจกันได้ และพวกเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใน ครม. ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี 

 

เมื่อถามว่า การแถลงข่าววันนี้ได้แจ้ง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้ทราบหรือไม่นั้น อุตตมกล่าวว่าการแถลงข่าวในวันนี้ ข่าวต่างๆ ก็คงจะออกไปตามที่มีการแถลง พร้อมยอมรับว่าได้มีการแจ้งให้สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะที่ปรึกษาทางใจให้ทราบก่อนแล้ว โดยสมคิดก็ได้เคารพการตัดสินใจพร้อมให้กำลังใจพวกเรา 

 

เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ อุตตมกล่าวว่าขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน วันข้างหน้าเป็นเรื่องของวันข้างหน้า เราไม่ได้คาดการณ์ในสิ่งเหล่านั้น วันนี้ก็ขอทำเต็มที่ เราเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง เราก็มีความปรารถนาดี มีความผูกพันต่อพรรคพลังประชารัฐต่อไป แต่การเมืองมีวิถีของการเมือง เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร

 

เมื่อถามว่าได้ฝากความหวังไว้ที่ กก.บห. ชุดใหม่อย่างไร อุตตมกล่าวว่า เชื่อในทีมบริหารใหม่ว่าจะสามารถนำพาพรรคพลังประชารัฐเดินหน้าต่อไปได้ สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อประชาชนพร้อมสนับสนุนทั้งหมด 

 

ด้านสนธิรัตน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาพวกเราไม่ใช่นักการเมือง ซึ่งในวันที่ร่วมกันจัดตั้งพรรคทราบดีว่าเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านบ้านเมือง เปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนผ่านประเทศ ขณะนั้นเชื่อมั่นว่า พล.อ. ประยุทธ์ เหมาะสมจะเป็นผู้นำประเทศในช่วงรอยต่อ นั่นเป็นที่มาของการลาออกของรัฐมนตรีช่วงก่อนเลือกตั้งและมาทำงานการเมือง ซึ่งเราทำงานอย่างเต็มที่จนทุกอย่างเดินหน้าตามความตั้งใจ และมองว่าบทบาททางการเมืองย่อมมีการเปลี่ยน ไม่ควรยึดติดกับบทบาทใดบทบาทหนึ่ง อะไรที่เป็นประโยชน์ในการทำงานเราทุ่มเทอย่างเต็มที่ และไม่ยึดติดการเมืองว่าต้องเป็นแบบนี้ตลอด หรือพยายามอยู่ในตำแหน่งการเมืองมากที่สุด ย้ำว่าตั้งใจทำงานทุกหน้าที่ และไม่ยึดติดในตำแหน่งในการช่วยเหลือบ้านเมือง

 

“ตนรู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในพรรคพลังประชารัฐ และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เราเคยเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และเราไม่ได้มีความขัดแย้งโกรธเคือง เกลียดชังกันในเรื่องต่างๆ เป็นเพียงวิถีของการเดินไปข้างหน้า เพราะเรามีความคิดแบบนี้ มีวิถีปฏิบัติแบบนี้ เราก็เลือกทางเดินในวิถีของเรา” สนธิรัตน์กล่าว

 

เมื่อถามว่าการประกาศยุติบทบาทในวันนี้เป็นการถอดใจทางการเมืองหรือไม่ สนธิรัตน์กล่าวว่า ตนเคยพูดเสมอว่า คำว่าถอดใจไม่มี การทำงานบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มันคือหน้าที่ที่จะต้องทำ ตราบใดที่มีหน้าที่พวกเราจะทำเต็มที่ ไม่ได้ยึดที่ตัวเรา ที่ตำแหน่งที่หวังจะเป็น แต่เรารู้ว่าปัจจุบันเรามีหน้าที่อะไร เราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้น

 

เมื่อถามอีกว่า หากมีการไปตั้งกลุ่มใหม่ทั้ง 4 คน จะไปด้วยกันหรือไม่ อุตตมกล่าวว่า เราทั้ง 4 คนผูกพันกันพอสมควร ตั้งแต่ 2 ปีผ่านมาแล้วที่ทำงานการเมืองเพื่อประเทศ ทำงานด้านบริหาร เพราะฉะนั้นความผูกพันเราจะมีต่อไปแน่นอน 

 

ด้านสนธิรัตน์กล่าวเสริมว่า การทำงานการเมืองเป็นเรื่องเสียสละเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เรื่องบุคคล ถ้าเราอยากพัฒนาประเทศให้เดินไปข้าง เพราะฉะนั้นตัวบุคคลเป็นเรื่องรอง ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นเรื่องหลัก เพราะฉะนั้นเรา 4 คน ได้เข้ามาสู่การเมืองและทำอย่างเต็มที่ อนาคตเราไม่ทราบ หากอนาคตมีโอกาสที่พวกเราเป็นประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคการเมืองเสมอไป อะไรที่มีประโยชน์จากประสบการณ์ที่มี งานที่เราทำมา ตนคิดว่าพวกเราก็คงไม่คิดที่จะไม่ช่วย ขออย่าไปกังวลใจเรื่องพรรคการเมืองเยอะ ตนคิดว่าการทำงานการเมืองทุกคนควรเข้ามาช่วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตาม เรา 4 คนก็มีความผูกพัน ทำงานร่วมกันมา มีอะไรคงจะร่วมหารือ และพร้อมร่วมกันทำงานในอนาคต และขอขีดเส้นใต้ว่าไม่ร่วมกันไปทำพรรคการเมือง 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising