×

‘ต่างชาติ’ ซื้อบอนด์ไทยต่ออีก 6.5 พันล้าน กดดันค่าเงินต่อเนื่อง กูรูเชื่อ ใกล้จบรอบแล้ว เหตุเศรษฐกิจไทยยังฟื้นช้ากว่าภูมิภาค

26.08.2021
  • LOADING...
Thai bonds

ตลาดพันธบัตร (บอนด์) ไทย ยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (26 สิงหาคม) มียอดซื้อสุทธิมากกว่า 6.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการเข้าซื้อบอนด์ระยะสั้น 6 พันล้านบาท และระยะยาวไม่ถึง 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อต่อเนื่องจากวันก่อนหน้านี้ที่ซื้อสุทธิกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาททรงตัวในทิศทางแข็งค่า และมาปิดตลาดที่ระดับ 32.73 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวันมีจุดแข็งค่าสุดที่ 32.69 บาทต่อดอลลาร์ 

 

สงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย วิเคราะห์ว่า เงินที่ไหลเข้าตลาดบอนด์ไทยวันนี้น่าจะเป็นคลื่นการเก็งกำไรค่าเงินลูกเดียวกับเมื่อวานนี้ ที่มียอดซื้อสุทธิเข้ามาสูงถึง 2.1 หมื่นล้านบาท ทำให้เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น

 

“ถ้าถามว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอีกหรือเปล่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่มี ระลอกนี้น่าจะหยุดเท่านี้ก่อน เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินบาทนอกประเทศก็กลับเข้าสู่ระดับปกติแล้ว จากที่เมื่อวันก่อนลงไปติดลบ จึงทำให้เงินไหลเข้ามาในตลาดบอนด์แทน” สงวนกล่าว

 

สงวนกล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในเวลานี้ยังเป็นผลมาจากคนที่ Short เงินบาทมายาวนานในช่วงก่อนหน้านี้ เริ่มที่จะเลือกปิด Position เพื่อทำกำไร จาก Sentiment การแพร่ระบาดโควิดที่ดูดีขึ้นในช่วงนี้ไปก่อน แต่หากถามว่าจะนำเงินมา Long เงินบาทต่อเลยหรือไม่ เชื่อว่าคงไม่ เพราะในระยะยาวเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้าสุดในภูมิภาค

 

“การเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงจากนี้น่าจะเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น โดยกรอบน่าจะอยู่ระหว่าง 32.5-33.5 บาทต่อดอลลาร์” สงวนกล่าว

 

สงวนยังวิเคราะห์ถึงการส่งสัญญาณลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการประชุม Jackson Hole ว่า ผลไม่น่าจะออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ทำให้ความผันผวนในตลาดไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา Fed ได้พยายามสื่อสารส่งสัญญาณให้ตลาดรับทราบมาเป็นลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงภาพที่เคยเกิดขึ้นในปี 2013 ที่ทำให้ตลาดตกใจและพังไปถึง 6 เดือน     

 

ทั้งนี้มองว่า ผลการประชุม Jackson Hole จะทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวตามภูมิภาค แต่มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าได้มากกว่าสกุลเงินอื่น อย่างไรก็ดี การที่สถานการณ์โควิดของไทยได้ผ่านจุดพีกไปแล้ว จะไม่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าแรงและเร็วเหมือนในช่วงที่ผ่านมา 

 

จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี ประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้ อาจเกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ โดยเป็นผลมาจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นและบอนด์ไทย เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ก่อนหน้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงไปมาก เมื่อรวมกับสถานการณ์การระบาดในประเทศที่เริ่มดูทรงตัว และรัฐบาลอาจทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีแรงเก็งกำไรจากต่างชาติเข้ามา

 

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยอื่นเป็นแรงหนุน เช่น การที่ Fed อาจไม่ส่งสัญญาณลด QE เร็วตามที่ตลาดคาด ทำให้เงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่า และการที่ MSCI EM มีการปรับสัดส่วนของบอนด์ไทยขึ้นเล็กน้อย ทำให้ต้องมีการจัดสัดส่วนเงินใหม่

 

“สัญญาณช่วงนี้ยังพลิกไปพลิกมา อาจจะต้องรอดูความชัดเจนจากการประชุม Fed ที่ Jackson Hole ถ้าสุดท้ายถ้ายังไม่ลด QE อาจได้เห็นเงินทุนไหลกลับเข้ามาในเอเชีย เงินบาทจะแข็งขึ้นได้อีกหนึ่งระลอกราว 1% หรือ 30 สตางค์ เราอาจได้เห็นเงินบาทลงลึกสุดที่ 32.45 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบบนจะอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์” จิติพลกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising