×

Tried & Tested: ลอยตัวในน้ำ VS. แสงสีแดง การบำบัดระดับองค์การนาซาเพื่อคนยุคใหม่ เวิร์กจริงไหม

21.11.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 MINS READ
  • หาคำตอบว่าการบำบัดแบบลอยตัวในน้ำ (Floating Therapy) กับการบำบัดด้วยแสงสีแดง (Red Light Therapy) ดีกับร่างกายอย่างไร และเหมาะกับคนกลุ่มใด
  • ต้นยุค 90s นักวิทยาศาสตร์องค์การนาซาได้นำแสงสีแดงมาช่วยในการปลูกต้นไม้ในยานอวกาศ พวกเขาค้นพบว่าแสง LED (Light-emitting Diode) ช่วยกระตุ้นเซลล์ให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีการนำไปศึกษาต่อถึงความเป็นไปได้ในการนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อช่วยเร่งกระบวนการในเซลล์เนื้อเยื่อของมนุษย์
  • อ่างน้ำสำหรับลอยตัว (Isolation Tank) นั้นถูกคิดค้นขึ้นในปี 1954 โดย จอห์น ซี. ลิลลี่ (John C. Lilly) นักประสาทวิทยาชาวอเมริกัน เพื่อทดสอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตัดขาดโสตสัมผัสของร่างกาย กระทั่งไปเตะตาองค์การนาซาจนนำไปใส่ในโปรแกรมทดสอบของนักบินอวกาศ

หันมองรอบตัวทุกวันนี้ เราจะพบว่ามีผลิตภัณฑ์และบริการมากมายที่เสนอตัวเป็นทางเลือกหนึ่งของ ‘คนเมือง’ ที่มองหาการ ‘บำบัด’ ในรูปแบบต่างๆ เช่นเดียวกับการลอยตัวในน้ำ (Floating) และการบำบัดด้วยแสงสีแดง (Red Light) ที่ต่างได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในองค์การนาซา แต่การบำบัดที่ว่านั้นจำเป็นกับเราจริงไหม เหมาะกับคนกลุ่มใด และเวิร์กหรือไม่ เราจะพาไปหาคำตอบ

 

 

การบำบัดด้วยแสงสีแดง (Red Light Therapy)
คืออะไร: การบำบัดด้วยนวัตกรรมแสงสีแดง (Red Light Therapy หรือ RLT) เป็นเทคนิคการรักษาที่ใช้ความยาวคลื่นแสงในระดับต่ำเพื่อรักษาเนื้อเยื่อ โดยมีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น Photobiomodulation (PBM), Low Level Light Therapy (LLLT), Soft Laser Therapy, Cold Laser Therapy, Biostimulation, Photonic Stimulation และ Low-power Laser Therapy (LPLT) เป็นต้น

 

ที่มา: เมื่อต้นยุค 90s นักวิทยาศาสตร์องค์การนาซาได้นำแสงสีแดงมาช่วยในการปลูกต้นไม้ในยานอวกาศ พวกเขาค้นพบว่าแสดง LED (Light-emitting Diode) ช่วยกระตุ้นเซลล์ให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีการนำไปศึกษาต่อถึงความเป็นไปได้ในการนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อช่วยเร่งกระบวนการในเซลล์เนื้อเยื่อของมนุษย์ โดยนักวิจัยหวังว่าจะช่วยรักษาอาการกล้ามเนื้อฝ่อหรืออ่อนแรง แผลหายช้า และช่วยเรื่องความหนาแน่นของมวลกระดูกอันเกิดจากภาวะไร้แรงโน้มถ่วงในอวกาศ ตลอดจนช่วยบรรเทาผลความเจ็บปวดจากข้างเคียงของการรักษาแบบเคมีบำบัดและการฉายแสงในกระดูกสันหลัง ตลอดจนการเปลี่ยนถ่ายสเต็มเซลล์

 

 

ช่วยอะไร: ช่วยเรื่องลดเรือนริ้วรอย แผลเป็น และแผลที่หายช้า ฯลฯ โดยมีการรักษาด้วยแสงสีแดงหลายประเภท ทางการแพทย์นำมาใช้เพื่อรักษาแผลหายช้า และลดผลข้างเคียงของการให้เคมีบำบัด ขณะที่แวดวงความงาม (แบบที่เราเห็นได้จะเป็นเตียงนอนในซาลอน) นำแสงสีแดงมาช่วยเรื่องการลดริ้วรอยหรือผิวแตกลาย และระบุว่าช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวกระชับ แลดูอ่อนกว่าวัย และดูสุขภาพดี เนื่องจากแสงนี้ไปช่วยกระตุ้นชั้นผิวหนังที่ผลิตคอลลาเจน ซึ่งเติมความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นให้กับทั้งผิวและเส้นผม ขณะที่ในทางวิทยาศาสตร์การกีฬานำแสงนี้มาช่วยเรื่องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ โดยนำมาใช้ในนักกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว และแม้ว่าจะมีหลักฐานสนับสนุนประโยชน์ของการรักษาด้วยแสงสีแดง แต่เรายังคงต้องศึกษากันต่อไป

 

 

ลองแล้วเป็นอย่างไร: ในกรุงเทพฯ มีบริการแสงสีแดงที่คนที่ชื่นชอบการบำบัดชนิดนี้รู้จักกันอยู่แล้ว ตั้งอยู่ในสตูดิโอใจกลางอโศก โดยนำทรีตเมนต์ด้วยแสงสีแดงที่ทันสมัยนำเข้าจากสหราชอาณาจักรและมีเครื่องหมาย CE (Conformité Européene หรือ European Conformity) รับรองมาตรฐานคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และหลอดไฟที่ใช้ปราศจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต UVA/UVB และ UVC

 

 

ผู้ใช้บริการสามารถเลือกได้ว่าอยากยืนในตู้แสงฟังเพลงไปพลางๆ ขยับตัวได้ตามใจชอบ หรือนอนบนเตียงที่เอนหลังหลับตาได้สักครู่ โดยพนักงานจะอธิบายวิธีการก่อนเข้าตู้อบ (ที่หน้าตาคล้ายเตียงอาบแดดสังเคราะห์) อธิบายการทาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแสงสีแดง ทารอบดวงตา ใบหน้า และฉีดทั่วตัว จากนั้นจึงสวมแว่นปิดตาที่แขวนไว้ให้ ภายในห้องส่วนตัวยังมีหูฟังให้เลือกฟังเพลงได้จากโทรศัพท์ของตัวเอง หรือจะใช้ของส่วนตัวก็ได้เช่นกัน จากนั้นจึงขึ้นเตียงแล้วปิดฝา

 

ภายในตู้อบไม่ร้อนหรือแสงจ้าดังที่คิด (นึกถึงความร้อนจากแดดอ่อนๆ ตอน 4 โมงเย็น) อยู่ในโลกของตัวเองให้คิดอะไรเพลินๆ หรือหลับตาพักฟังเพลงของ LANY ได้ 5 เพลงก็หมดเวลา 15 นาที แสงสีแดงจะดับลงเป็นสัญญาณบอกให้คุณตื่นจากภวังค์ จากนั้นจึงลุกขึ้นมาชโลมผิวด้วยผลิตภัณฑ์หลังรับแสงสีแดงอีกรอบ สวมเสื้อผ้า แล้วก็ออกไปใช้ชีวิตประจำวันต่อได้ ซึ่งทางร้านแนะนำให้ทำ 3 ครั้งติดต่อกันภายใน 1-2 สัปดาห์เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง และหลังจากทดลองรู้สึกว่าผิวเนียนนุ่มขึ้น รู้สึกคล้ายกับการไปอาบแดดแล้วบำรุงผิวอย่างดี แต่อาการปวดกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายไม่กี่วันก่อนหน้ายังคงอยู่ (อาจเป็นเพราะทำไม่บ่อยพอแบบนักกีฬาโอลิมปิกกระมัง) โดยรวมแล้วข้อดีคือใช้เวลาเพียง 15 นาที เหมาะกับคนที่ยุ่งแล้วอยากดูแลตัวเองก่อนรีบออกไปใช้ชีวิตต่อ ทั้งนี้ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนจนคนรอบข้างทัก

 

 

ลองได้ที่นี่

Skintopia Center

Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.

Address: ชั้น 3 อาคารไทม์สแควร์ (ชั้นเดียวกับทางเชื่อมต่อกับทางออกของรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก)

Budget: ครั้งละ 2,500 บาท, 6 ครั้ง 10,800 บาท, 12 ครั้ง 18,600 บาท และ 24 ครั้ง 32,400 บาท

Contact:  0 2090 2155, 06 3092 2488

Website: www.skintopiabybina.com

Map: 

 

 

 

การลอยตัวในน้ำ (Floating Therapy)

คืออะไร: การลอยตัวบำบัดในน้ำเป็นการลอยตัวที่คล้ายกับการย้อนสู่ภาวะในครรภ์มารดา (บางครั้งเรียกว่า Womb Room) เป็นการบำบัดโดยใช้เวลาราวๆ 45-60 นาทีในอ่างขนาดเล็กที่มืดสนิท มีระบบกันเสียงรบกวนภายนอกให้ผู้รับการบำบัดลอยตัวเปลือยเปล่าในน้ำอุณหภูมิเท่ากับร่างกายมนุษย์ ซึ่งน้ำนั้นมีค่าความเค็มสูงจากเกลือเอปซอม (Epsom) ที่มีปริมาณเกลือเข้มข้นกว่าน้ำทะเลหลายเท่าเพื่อให้ตัวลอยตามธรรมชาติโดยอยู่ห่างไกลสิ่งรบกวนใดๆ ภายนอก ผลคือให้ความรู้สึกราวกับลอยอยู่ในห้วงอวกาศ

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษ ระบุไว้ว่าอ่างน้ำสำหรับลอยตัว (Isolation Tank) ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1954 โดย จอห์น ซี. ลิลลี่ (John C. Lilly) นักประสาทวิทยาชาวอเมริกัน เพื่อทดสอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตัดขาดโสตสัมผัสของร่างกาย กระทั่งไปเตะตาองค์การนาซาจนนำไปใส่ในโปรแกรมทดสอบของนักบินอวกาศ แต่ทั้งนี้จอห์นยังทดลองลอยอยู่ในน้ำขณะเมายาจนเกิดเป็นไอเดียภาพยนตร์สยองเรื่อง Altered States (1980) ทั้งเขายังกลับสนใจสร้างสภาพแวดล้อมในอวกาศเพื่อสื่อสารกับปลาโลมาเสียมากกว่า…

 

 

ช่วยอะไร: มีรายงานว่ามีการนำการลอยตัวในน้ำมาช่วยการเตรียมตัวก่อนกีฬาโอลิมปิก เช่น คาร์ล เลวิส (Carl Lewis) นักกรีฑาชาวอเมริกันที่นำเทคนิคการลอยในน้ำมาช่วยก่อนแข่งชิงเหรียญทองโอลิมปิกในการกระโดดไกลในมหกรรมโอลิมปิกที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 1988 และหลังจากนั้นอ่างลอยตัวก็ผุดขึ้นไปทั่วอเมริกา ก่อนจะกลับมาติดตลาดอีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และกล่าวอ้างว่าช่วยหลบหนีจากการเสพติดโลกดิจิทัลได้ ขณะที่ในแง่ของวิทยาศาสตร์การกีฬานั้นอ้างว่าเหมาะกับคนแอ็กทีฟที่วิ่งวุ่นตลอดเวลาให้ได้ปล่อยร่างให้ลอยพักผ่อนแบบไร้แรงโน้มถ่วง ช่วยดูแลรักษาผิว ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ไปจนถึงโรคภัยต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง การอักเสบของข้อต่อ นอนไม่หลับ ฯลฯ และยังสามารถช่วยบำบัดจิตใจจากภาวะหดหู่ ซึมเศร้า ความวิตกกังวล และช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของร่างกาย เผาผลาญอาหารได้ดีขึ้น หายจากการเจ็บป่วยเร็วขึ้น และพัฒนาทั้งด้านสรีระและจิตใจอีกด้วย

 

 

ลองแล้วเป็นอย่างไร: นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลคนดังอย่าง ทอม เบรดี (Tom Brady) ก็มีอ่างนี้ไว้หลังบ้าน เราจึงขอทดสอบบ้างที่ Bangkok Float Center ที่ระบุว่าเป็นแห่งเดียวที่ให้บริการ ‘ทรีตเมนต์ลอยตัว’ หนึ่งเดียวในไทย หลังจากปลดเปลื้องพันธนาการอาภรณ์ทั้งหลายจนเหลือแต่ชุดวันเกิด ทางร้านแนะให้อาบน้ำเพื่อชำระร่างกายและครีมต่างๆ ที่ประทินผิวออกก่อน เมื่อพร้อมก็ถึงเวลา ‘สันโดษ’ กดปิดไฟ ที่เหลือแต่ไฟในอ่างสีฟ้า เขียว ม่วง แดง เหลืองสลับกันไป (และคงไม่แปลกถ้าบอกว่านี่คือพอดท่องเวลาให้เราตื่นมาอีกทีในปี 3000) โดยเมื่อหย่อนตัวลงทำความคุ้นเคยกับน้ำที่จะขยับตัวท่าไหนก็ไม่จม เราก็ใส่หูฟังใช้แล้วทิ้งที่เตรียมไว้ให้ สามารถเลือกเปิดหรือปิดฝาพอดได้หากรู้สึกไม่สบายตัว ใกล้เคียงกันมีสเปรย์ฉีดหน้าและผ้าขนหนูผืนจิ๋วไว้ใช้เผื่อน้ำเกลือเข้มข้นกระเด็นโดนหน้าหรือเข้าตา

 

จากนั้นก็ถึงเวลาลอยละล่องอยู่ในภาวะไร้แรงโน้มถ่วงที่เงียบเสียจนได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย ในบ่อนั้นกว้างสำหรับคนสูง 151 ซม. ได้ลอยไปรอบๆ อย่างไม่รู้สึกอึดอัด คิดเป็นนัยว่าร่างกายที่นอนน้อยมาจากเมื่อคืนของผู้เขียนจะได้งีบสักประเดี๋ยว แล้วหลังจากทำความมักจี่กันสักพัก เราคว้าหมอนรองศีรษะมารองใต้คอเพื่อหนุนให้รู้สึกสบายขึ้น จากนั้นกดปิดไฟ เปิดแต่เสียงเพลงสะกดจิตให้เข้าสู่โหมดไร้ความกังวล

 

น่าจะเป็นเวลาราวๆ 45 นาทีที่ร่างกายลอยไปเรื่อยๆ ราวกับไร้ที่สิ้นสุด ปลอดการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดียหรือกรุ๊ปไลน์ใดๆ พร้อมหลุดไปในความฝันแบบลูซิดดรีม (Lucid Dream) ที่เหมือนควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่แล้วเราก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ความรู้สึกอึดอัดเข้าครอบคลุม ความมืดสนิทเริ่มทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เรารู้สึกวิงเวียนคล้ายกับอาการเมาเรือขึ้นมาทันใด อาจเป็นเพราะชั่วโมงพักผ่อนที่ไม่พอเพียงของคืนก่อนหน้าก็เป็นได้ แต่ทันทีที่เปิดฝาพอดก็รู้สึกสบายขึ้นจากการสูดอากาศเย็นๆ ภายนอกที่รู้สึกดีกว่าอากาศอุ่นๆ จากอุณหภูมิน้ำที่เท่ากับร่างกายภายใน

 

 

หลังจากลุกขึ้นนั่งปรับสมดุลในร่างกายสักพักจนสัญญาณเสียงบอกหมดเวลาดังขึ้น เราก็ค่อยๆ ลุกขึ้นอาบน้ำเย็นๆ ความวิงเวียนยังคงอยู่ หลังจากอาบน้ำสระผมและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว การได้นั่งนิ่งๆ สูดหายใจลึกๆ สักประเดี๋ยวก็ช่วยให้รู้สึกปกติอีกครั้ง ส่วนตัวแล้วพบว่าแม้จะรู้สึกแปลกอย่างไม่คุ้นชิน แต่ครึ่งแรกของการบำบัดทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว และหลังจบการทรีตเมนต์ก็รู้สึกตัวเบาหวิว รู้สึกสดชื่นหลังอาบน้ำ ทั้งนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่เมารถหรือเมาเรือง่ายถึงปานกลาง คำแนะนำคือให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันเพื่อรับประสบการณ์ตัดขาดจากโสตสัมผัสและสิ่งเร้าต่างๆ อยู่กับตัวเองสัก 1 ชั่วโมง ถือว่าเป็นชั่วโมงอันหวงแหน ‘ของฉัน’ ก็ถือว่าไม่เลวเลย

 

 

ลองได้ที่นี่

Bangkok Float Center

Open เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.

Address: ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า Show DC พระราม 9 กรุงเทพฯ

Budget: ทรีตเมนต์ลอยตัวต่อครั้งใช้เวลา 60 นาที เริ่มต้นที่ราคา 2,100 บาท

Contact: 09 8628 9599, [email protected]

Website: www.bangkokfloatcenter.com

Map: 

 

 

 

ภาพ: Courtesy of Brands, พฤภัทร ทรงเที่ยง

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising