×

Fitch Ratings เตือนปีนี้อาจพบการดาวน์เกรดเครดิตบริษัทไทยเพิ่ม หลังพบ 30% เครดิตติดลบ แม้ส่วนใหญ่ยังมี ‘เสถียรภาพ’

21.06.2023
  • LOADING...
Fitch Ratings

Fitch Ratings ประเทศไทย เผยแนวโน้มอันดับเครดิตบริษัทไทยส่วนใหญ่ยังมี ‘เสถียรภาพ’ แม้บริษัทราว 30% ยังมีมุมมองลบ (Negative Outlook) พร้อมเตือน! ปีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิด Negative Rating Actions หรือดาวน์เกรด (Downgrade) มากกว่า Positive Rating Actions เนื่องจากความไม่แน่นอนต่างๆ

 

วันนี้ (21 มิถุนายน) เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล Senior Director, Corporates / Funds จาก Fitch Ratings ประเทศไทย กล่าวในงาน Thailand Corporate Credit Outlook and ASEAN ESG Conference ว่า ภาพรวมแนวโน้มอันดับเครดิต (Outlook) ของบริษัทไทยที่ Fitch Ratings ดูแลอยู่ค่อนข้าง ‘มีเสถียรภาพ’ (Stable) เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ยังมีสภาพคล่อง (Liquidity) ค่อนข้างดี และยังมีความสามารถในการทนต่อความไม่แน่นอนได้

 

นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว น่าจะทำให้บริษัทที่ Fitch Ratings มีการจัดอันดับเครดิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, โทรคมนาคม, สายการบิน และโรงแรม มีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริษัทในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับสูงในปี 2565 น่าจะมีกำไรที่ดีขึ้น จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง

 

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปีนี้ยังมีบริษัทที่มีมุมมองลบ (Negative Outlook) อยู่ราว 30% นับเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด ซึ่งมีบริษัทในไทยที่มีมุมมองลบไม่ถึง 20% (ภาพที่ 1) เนื่องจากในปี 2565-2566 ยังมีความท้าทายพอสมควร ได้แก่ 1. ต้นทุนหรือราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะไปกดดันความสามารถในการทํากําไร หรือกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท และ 2. มาจากหนี้สุทธิ (Net Debt) ของบริษัทต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

 

โดยสาเหตุที่ทำให้หนี้สุทธิของบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากเมื่อปี 2564 มีการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) ค่อนข้างเยอะ ขณะที่ในปี 2565 บริษัทต่างๆ ก็ต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานสูงขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการ (Demand) ในภาพรวม 

 

 

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Fitch Ratings Thailand ยังแสดงให้เห็นว่า ในปี 2565 อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ A รองลงมาคือ AA และต่ำกว่า BBB (ภาพที่ 2)

 

 

จับตาแนวโน้มอันดับเครดิต (Outlook) บริษัทไทยในปีนี้

 

สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต (Outlook) บริษัทไทย เลิศชัยกล่าวว่า ในปี 2565 นี้อาจจะยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิด Negative Rating Actions หรือดาวน์เกรด (Downgrade) มากกว่า Positive Rating Actions

 

เนื่องจาก Fitch Ratings คาดว่า การฟื้นตัวและความเสี่ยงต่างๆ จะเริ่มดีขึ้นในปีนี้และปีหน้า แต่หากปัจจัยต่างๆ แย่กว่าที่ Fitch Ratings คาดไว้ เช่น ความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงขึ้น จนส่งผลต่อราคาพลังงานและดีมานด์ รวมถึงความระมัดระวังในการบริหารจัดการเงินทุน (Capital Discipline) ที่อาจแย่ลง ก็ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการดาวน์เกรดมากขึ้น

 

เลิศชัยกล่าวอีกว่า สำหรับ Sector ที่น่ากังวลและตกอยู่ภายใต้ความกดดันมากที่สุดคือ ธุรกิจปิโตรเคมี เนื่องจากยังคงมีความท้าทายจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ, จากการเติบโตของเศรฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง, ราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกำลังผลิตใหม่ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างราคาขายผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบปรับตัวลดลง Fitch Ratings คาดว่า กำไรของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวลดลงจากระดับสูงในปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่ลดลง น่าจะช่วยลดผลกระทบต่ออัตราส่วนหนี้สินของบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหล่านี้

 

สำหรับ Positive Outlook ของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เลิศชัยมองว่ายังไม่ค่อยเห็นเท่าไร โดยส่วนใหญ่จะมีเสถียรภาพ (Stable) มากกว่า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising