×

ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ยังผันผวน ทำเนียบขาวแก้ข่าวยุติดีลการค้าจีน, PMI ยุโรป-สหรัฐฯ ฟื้นดีกว่าคาด สะท้อนมุมมองเชิงบวกของธุรกิจ: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (24 มิ.ย. 2563)

โดย FINNOMENA
24.06.2020
  • LOADING...
  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีกำหนดประชุมเพื่อลงมติด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดิม 

 

  • ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่าความสัมพันธ์และข้อตกลงทางการค้ากับจีนเฟสที่ 1 ยังอยู่ในสถานะปกติ ไม่มีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด สอดคล้องไปกับข้อความในทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่า “ข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงดำเนินไปอย่างเต็มรูปแบบ ผมหวังว่าจีนจะยังคงเดินหน้าทำตามเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลง” ท่าทีดังกล่าวช่วยคลายความกังวลให้กับนักลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้นาวาร์โรได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Story ของ Fox ว่า ข้อตกลงการค้าเฟส 1 ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้นได้ยุติลงแล้ว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ มีหลักฐานที่ทำให้เชื่อมั่นมากว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจากการทดลองในเมืองอู่ฮั่นของจีน

 

  • สถาบัน Markit ประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมและบริการเบื้องต้นประจำเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยในส่วนของสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ระดับ 49.6 และ 46.7 จุดตามลำดับ ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ 39.8 และ 46.5 จุดตามลำดับ แต่ยังคงอยู่ในแดนหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับสหภาพยุโรปที่ประกาศออกมาที่ 46.9 และ 47.3 จุดตามลำดับ ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ 44.5 และ 41.0 จุดตามลำดับ โดยการประกาศดัชนีทั้ง 4 นั้นถือว่าฟื้นตัวดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทั้งหมด สะท้อนมุมมองเชิงบวกของภาคธุรกิจ แม้ยังคงอยู่ในแดนหดตัวก็ตาม

 

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายละเอียดความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงินในการประชุมครั้งล่าสุดว่า BOJ เริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการหยุดการเสริมสภาพคล่องฉุกเฉินอันประกอบไปด้วย การเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์ อาทิ ตราสารหนี้และหุ้นกู้ การให้กู้ยืมแก่ธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และการเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง ETF เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้ดำเนินการไปนับตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดจะทำอย่างระวัดระวัง เนื่องจากยังมีความกังวลว่าหากยุติมาตรการดังกล่าวอาจเกิดภาวะเงินฝืดได้อีกครั้ง

 

  • เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเปิดเผยว่ามีความคืบหน้าในการเจรจากับมาร์ก รัตต์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ เรื่องความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหภาพยุโรปวงเงินกว่า 750,000 ล้านยูโร ซึ่งมีเป้าหมายจะให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับเนเธอร์แลนด์ได้ จากที่ก่อนหน้านี้เนเธอร์แลนด์ได้นำกลุ่มประเทศยุโรปเหนือคัดค้านนโยบายดังกล่าว เนื่องจากกังวลภาระหนี้ของสหภาพยุโรปที่อาจเพิ่มขึ้น

 

ภาวะตลาดวานนี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาสดใสทั้ง 2 ภูมิภาค โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งภาคการผลิตและการบริการออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ทั้งคู่ แสดงถึงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และบ่งชี้ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาว่าเริ่มส่งผล สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงหนุนดังกล่าว

 

  • สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากการคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้น ประกอบกับแรงกดดันจากสถานการณ์จำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดเศรษฐกิจอีกรอบ ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันอาจลดลงและทำให้น้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงปัจจัยความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่อาจเกิดสงครามการค้าอีกรอบ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้

 

สหรัฐฯ

  • Dow Jones อยู่ที่ 26156.1 เพิ่มขึ้น 131.14 (0.5%)
  • S&P 500 อยู่ที่ 3131.29 เพิ่มขึ้น 13.43 (0.43%)
  • Nasdaq อยู่ที่ 10131.37 เพิ่มขึ้น 74.89 (0.74%)

 

ยุโรป

  • DAX อยู่ที่ 12523.76 เพิ่มขึ้น 260.79 (2.13%)
  • FTSE 100 อยู่ที่ 6320.12 เพิ่มขึ้น 75.5 (1.21%)
  • Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3298.83 เพิ่มขึ้น 57.14 (1.76%)
  • FTSE MIB อยู่ที่ 19841.58 เพิ่มขึ้น 362.85 (1.86%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 อยู่ที่ 22549.05 เพิ่มขึ้น 111.78 (0.5%)
  • S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5954.4 เพิ่มขึ้น 9.9 (0.17%)
  • Shanghai อยู่ที่ 2970.62 เพิ่มขึ้น 5.35 (0.18%)
  • SZSE Component อยู่ที่ 11794.01 เพิ่มขึ้น 91.57 (0.78%)
  • China A50 อยู่ที่ 13866.14 เพิ่มขึ้น 24.68 (0.18%)
  • Hang Seng อยู่ที่ 24907.34 เพิ่มขึ้น 396 (1.62%)
  • Taiwan Weighted อยู่ที่ 11612.36 เพิ่มขึ้น 39.43 (0.34%)
  • SET อยู่ที่ 1356.43 เพิ่มขึ้น 4.25 (0.31%)
  • KOSPI อยู่ที่ 2131.24 เพิ่มขึ้น 4.51 (0.21%)
  • IDX Composite อยู่ที่ 4879.13 ลดลง -39.7 (-0.81%)
  • BSE Sensex อยู่ที่ 35430.43 เพิ่มขึ้น 519.11 (1.49%)
  • PSEi Composite อยู่ที่ 6297.78 ลดลง -17.29 (-0.27%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.36 (-0.89%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 42.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.64 (-1.49%)
  • ราคาทองคำ อยู่ที่ 1769.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 13.67 (0.78%)

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • InfoQuest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising