×

Fed ลดดอกเบี้ยตามคาด, จับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น-อังกฤษ, ทรัมป์เดินหน้าคว่ำบาตรอิหร่าน: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (19 ก.ย. 2562)

โดย FINNOMENA
19.09.2019
  • LOADING...
FINNOMENA
  • Fed ลดดอกเบี้ยตามคาด แย้มอาจเพิ่มขนาดงบดุลคราวหน้า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 7 ต่อ 3 เสียง เห็นชอบให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.75%-2.0% ตามคาด จากความไม่แน่นอนกรณีสงครามการค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนของภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และยืนยันจะดำเนินนโยบายทางการเงินโดยอิงกับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อประคองการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ พร้อมระบุอาจพิจารณาการดำเนินนโยบายเพิ่มขนาดงบดุลธนาคารกลางในการประชุมครั้งถัดไป ด้านประมาณการทางเศรษฐกิจ มีการปรับประมาณการ GDP 2019 จาก 2.1% เป็น 2.2%, อัตราการว่างงานเพิ่มจาก 3.6% เป็น 3.7% ขณะที่ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) คงที่ที่ 1.5% ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ว่า เจอโรม พาวเวลล์ ล้มเหลวอีกครั้ง เป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์ และสื่อสารได้แย่มาก

 

  • ทรัมป์เดินหน้าคว่ำบาตรอิหร่าน มั่นใจอยู่เบื้องหลังการโจมตีซาอุฯ วานนี้ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม เนื่องจากมีความมั่นใจว่าอิหร่านคือผู้บงการการโจมตีคลัง และระบบผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับซาอุดีอาระเบียที่มีการแถลงถึงหลักฐานการโจมตีว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น จากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันที่อาจลดลง

 

  • จับตาธนาคารกลางต่อ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ มีกำหนดจะแถลงนโยบายการเงินในวันนี้เช่นเดียวกัน โดยธนาคารกลางทั้ง 3 ถูกคาดหวังว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมที่ -0.10% -0.75% และ 0.75% ตามลำดับ แต่นักวิเคราะห์ยังคงจับตาท่าทีจากแถลงการณ์ดังกล่าว เพื่อประเมินทิศทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป

 

  • บราซิล-ฮ่องกงลดดอกเบี้ยตามแนวโน้ม ธนาคารกลางบราซิลมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% สู่ระดับ 5.50% ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องจากความไม่แน่นอนกรณีสงครามการค้าที่กดดันเศรษฐกิจทั่วโลกให้ชะลอตัว พร้อมกับส่งสัญญาณเตรียมดำเนินการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่องค์การเงินตราฮ่องกง ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมพื้นฐานลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบปี 2019 ส่งผลให้อัตราเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดีในธนาคารพาณิชย์ลดลงสู่ระดับ 5.125%-5.375% โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และผลักดันราคาสินทรัพย์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ที่จะส่งผลให้เกิดการ Leverage เพิ่มเติมมากขึ้น สำหรับองค์การเงินตราฮ่องกงนั้นถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1983 โดยมีเป้าหมายให้เกิดการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านค่าเงินฮ่องกง

 

  • มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของโลก เผยเตรียมเดินทางไปประชุมกับสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการกำกับและควบคุมอินเทอร์เน็ตในอนาคต ซึ่งจะเป็นแนวทางในการพิจารณากฎหมายต่อไป โดยการเข้าร่วมประชุมดังกล่าวถูกจับตามองจากทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะนี้ หากมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดอาจส่งผลต่อการประมาณการผลกำไรในอนาคตได้

 

ภาวะตลาดวานนี้

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25 ตามที่ตลาดคาดไว้ พร้อมส่งสัญญาณที่ถูกตีความว่าอาจไม่ลดดอกเบี้ยลงมากกว่านี้แล้ว ส่งผลให้ตลาดทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และสินค้าโภคภัณฑ์ ปรับตัวลงทันที ขณะที่ทรัมป์ออกมาทวีตข้อความกดดัน Fed และ เจอโรม พาวเวลล์ เพื่อให้ลดดอกเบี้ยมากกว่านี้ ก็ไม่อาจทำให้ตลาดตอบรับในมุมนี้ได้ ความกังวลต่อถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตราสารหนี้ และสินค้าโภคภัณฑ์ ปรับตัวในแดนลบมากกว่าตลาดหุ้น โดยราคาทองคำปรับตัวลง (-0.82%) ราคาน้ำมันดิบ WTI (-1.86%) และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (-1.63%) ในส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.80% จากก่อนหน้า 1.75% พร้อมกับการแข็งค่าของ Dollar Index จากระดับ 97.8 เป็น 98.1
  • ดัชนีเงินเฟ้ออังกฤษเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1.7% ต่ำกว่าคาดที่ 1.8% และชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.1% บ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในอังกฤษอย่างต่อเนื่อง จากความไม่ชัดเจนต่อกระบวนการ Brexit ที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ภาคธุรกิจไม่สามารถกำหนดทิศทางการดำเนินกิจการได้ ขณะที่สกุลเงินปอนด์เทียบดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าสู่ระดับ 1.250 ซึ่งอยู่ระดับเดียวกับปลายปี 2016 หลังผ่านผลประชามติ Brexit 
  • ธนาคารโลกเตือนเศรษฐกิจอาจขยายตัวต่ำกว่าคาดอีกครั้ง นับตั้งแต่ต้นปี ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจจะขยายตัว 2.9% ในเดือนมกราคม และปรับลดลง 0.3% ในเดือนมิถุนายน ล่าสุด เดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลกแสดงความเห็นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้นที่ 2.6% จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในประเทศจีน รวมทั้งความอ่อนแอของเศรษฐกิจในอาร์เจนตินา อินเดีย และเม็กซิโก รวมทั้งการขยายตัวที่น่าผิดหวังของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ขณะที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือใกล้จะถดถอย โดยเฉพาะเยอรมนีและอังกฤษที่มีความเสี่ยงเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่อิตาลีและสวีเดนกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะงักงันขั้นรุนแรง

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 ปิดที่ 27147.66 เพิ่มขึ้น 36.86 (0.14%)
  • S&P 500 ปิดที่ 3006.15 เพิ่มขึ้น 0.47 (0.02%)
  • Nasdaq ปิดที่ 8177.39 ลดลง -8.62 (-0.11%)

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 12389.62 เพิ่มขึ้น 17.01 (0.14%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7314.05 ลดลง -6.35 (-0.09%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3528.04 เพิ่มขึ้น 6.78 (0.19%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 21947.7 เพิ่มขึ้น 145.77 (0.67%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 21960.71 ลดลง -40.61 (-0.18%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6681.6 ลดลง -13.7 (-0.2%)
  • Shanghai ปิดที่ 2985.66 เพิ่มขึ้น 7.54 (0.25%)
  • SZSE Component ปิดที่ 9753.31 เพิ่มขึ้น 30.51 (0.31%)
  • China A50 ปิดที่ 13809.6 เพิ่มขึ้น 110.39 (0.81%)
  • Hang Seng ปิดที่ 26754.12 ลดลง -36.12 (-0.13%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 10929.45 เพิ่มขึ้น 54.95 (0.51%)
  • SET ปิดที่ 1654.14 ลดลง -9.79 (-0.59%)
  • KOSPI ปิดที่ 2070.73 เพิ่มขึ้น 8.4 (0.41%)
  • IDX Composite ปิดที่ 6276.63 เพิ่มขึ้น 39.94 (0.64%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 36563.88 เพิ่มขึ้น 82.79 (0.23%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 7915.29 ลดลง -16.94 (-0.21%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 58 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง -1.1 (-1.86%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 63.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง -1.05 (-1.63%)
  • ราคาทองคำ ปิดที่ 1500.95 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง -12.45 (-0.82%))

FINNOMENA

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • InfoQuest
  • Bloomberg
  • Investing
  • Prachachat
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising