- รัฐบาลจีนยืนยันว่า หลิวเฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีจีน เตรียมนำคณะเยือนกรุงวอชิงตันระหว่างวันที่ 13-15 มกราคมนี้ เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐฯ โดยข้อตกลงนี้รวมไปถึงการที่สหรัฐฯ ระงับการขึ้นภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์ และลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 15% มาที่ 7.5% ขณะที่จีนจะระงับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน
- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 194 เสียง ผ่านญัตติว่าด้วยการจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการใช้ปฏิบัติการทางทหาร หลังเกิดเหตุการณ์สังหารผู้นำทางการทหารระดับสูงของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคาดว่าญัตติดังกล่าวไม่น่าจะผ่านการลงคะแนนในวุฒิสภา เนื่องจากเป็นสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่
- ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ (Initial Jobless Claims) ประกาศออกมาที่ 2.14 แสนราย ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.2 แสนราย และต่ำกว่าการประกาศเมื่อครั้งก่อนที่ 2.23 แสนราย ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 28 ธันวาคม มีจำนวนเพิ่มขึ้น 7.5 หมื่นราย สู่ระดับ 1.8 ล้านราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2015
- จับตาตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนธันวาคม โดยคืนนี้สหรัฐฯ มีกำหนดการประกาศตัวเลขตลาดแรงงาน ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.64 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ถูกคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5% เช่นเดียวกับตัวเลขเมื่อเดือนก่อนหน้า
- ธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่าธนาคารกลางยังมีศักยภาพในการลดอัตราดอกเบี้ย และพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยหากมีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุได้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษยังมีความอ่อนแอ แต่ประเมินว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการทำ QE ของธนาคารอังกฤษเทียบเท่าการลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 2.5%
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นและทำ New High จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีทิศทางชัดเจนขึ้น โดยทางรองนายกรัฐมนตรีหลิวเฮ่อยืนยันว่าจะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในช่วงสัปดาห์หน้า นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้น หลังหลายๆ สถานการณ์ทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นแรง
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อยหลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย รวมไปถึงกลุ่ม OPEC ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าหากน้ำมันเริ่มขาดแคลนก็พร้อมที่จะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต ด้านราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากหลายๆ สถานการณ์ทั่วโลกเริ่มกลับมามีท่าทีชัดเจน รวมไปถึงการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 28,956.9 เพิ่มขึ้น 211.81 (+0.74%)
- S&P 500 ปิดที่ 3,274.7 เพิ่มขึ้น 21.65 (+0.67%)
- Nasdaq ปิดที่ 9,203.43 เพิ่มขึ้น 74.18 (+0.81%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13,495.06 เพิ่มขึ้น 174.88 (+1.31%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,598.12 เพิ่มขึ้น 23.19 (+0.31%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3,795.88 เพิ่มขึ้น 23.32 (+0.62%)
- FTSE MIB ปิดที่ 24,016.7 เพิ่มขึ้น 184.68 (+0.77%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 23,739.87 เพิ่มขึ้น 535.11 (+2.31%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,874.2 เพิ่มขึ้น 56.6 (+0.83%)
- Shanghai ปิดที่ 3,094.88 เพิ่มขึ้น 27.99 (+0.91%)
- SZSE Component ปิดที่ 10,898.17 เพิ่มขึ้น 191.3 (+1.79%)
- China A50 ปิดที่ 14,476.88 เพิ่มขึ้น 161.31 (+1.13%)
- Hang Seng ปิดที่ 28,561 เพิ่มขึ้น 473.08 (+1.68%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11,970.63 เพิ่มขึ้น 153.53 (+1.3%)
- SET ปิดที่ 1,579.64 เพิ่มขึ้น 20.37 (+1.31%)
- KOSPI ปิดที่ 2,186.45 เพิ่มขึ้น 35.14 (+1.63%)
- IDX Composite ปิดที่ 6,274.49 เพิ่มขึ้น 48.81 (+0.78%)
- BSE Sensex ปิดที่ 41,452.35 เพิ่มขึ้น 634.61 (+1.55%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7,797.64 เพิ่มขึ้น 61.4 (+0.79%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 59.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.19 (+0.32%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 65.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.33 (+0.5%)
- ราคาทองคำปิดที่ 1,554.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 5.85 (-0.37%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters