- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการประกาศวานนี้ ตัวเลขการส่งออกเดือนกรกฎาคมของจีนขยายตัว 3.3% สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะหดตัว -2.0% ส่วนยอดนำเข้าเดือนกรกฎาคมปรับตัวลง -5.6% ซึ่งหดตัวน้อยกว่าคาดจากระดับ -8.3% ขณะที่ไทยเผยดัชนีความมั่นใจผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ระดับ 75.0 ชะลอตัวเนื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ระดับ 82.0 ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขจำนวนคนว่างงานครั้งแรก 209,000 คน น้อยกว่าที่คาดไว้ 215,000 คน
- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเสนอละเว้นมาตรการ LTV เหตุคนกู้ไม่ผ่านมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่าได้เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับเปลี่ยนมาตรการ LTV ใหม่ทั้งเกณฑ์ผู้กู้ร่วมและสัญญาราคาซื้อขาย เพราะมองว่า LTV ควรนำมาใช้เมื่อสัญญาณเศรษฐกิจกลับมามีการบริโภคมากขึ้น แต่ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้คนกู้ซื้อบ้านลำบากมากขึ้นแม้ว่าไม่มีมาตรการ ขณะที่ LTV ส่งผลให้คนกู้ไม่ผ่านมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากเดิมอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject) อยู่ที่ 20% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 40%
- รัฐบาลเสียงปริ่มแล้ว โดยวานนี้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์เผยอึดอัด ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลร่วมกับ 5 พรรคขนาดเล็กไปเป็นพรรคฝ่ายค้านอิสระ ประกอบไปด้วยพรรคไทยศรีวิไลย์, พรรคพลังไทยรักไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคประชาธรรมไทย และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ส่วนอีก 4 พรรคเล็กยังสงวนท่าที ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาลเหลือเพียง 249 เสียง ใกล้เคียงกับพรรคฝ่ายค้านที่ 246 เสียงมากขึ้น และหาก 4 พรรคเล็กที่เหลือตัดสินใจถอนตัวจะส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาลมีคะแนนน้อยกว่าฝ่ายค้าน ซึ่งจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลเกิดความสั่นคลอน
- ทางการจีนเผย กำลังพิจารณาเสริมสภาพคล่องและประสิทธิภาพตลาดทุนที่จะส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกสามารถเข้าลงทุนได้โดยปราศจากข้อกำหนดด้านโควตาและข้อบังคับด้านการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะเป็นการปฏิรูปตลาดการลงทุนจีนครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 2015
- GDP ญี่ปุ่นไตรมาส 2 ขยายตัว 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% (YoY) และ 0.1% (QoQ) ส่วนอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของจีนในเดือนกรกฎาคมยังเพิ่มขึ้นที่ 2.8% (YoY) และ 0.4% (MoM) สูงกว่าคาดที่ระดับ 2.7% (YoY) และ 0.2% (MoM) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อด้านผู้ผลิต (PPI) หดตัว 0.3% (YoY) ตามแนวโน้มสงครามการค้าที่ตึงเครียดมาตลอด
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวหลังจากเผชิญแรงขายติดต่อกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหลักทั้งสามกลับตัวขึ้นทั้ง Dow 30 (+4.95%), S&P500 (+5.50%) และ Nasdaq (+5.00%) หลังก่อนหน้านี้พากันทรุดตัวลงมากกว่า -8.00% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียล้วนปรับตัวขึ้นเช่นกัน แต่ underperform กว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ การฟื้นตัวครั้งนี้สืบเนื่องจากท่าทีของค่าเงินหยวนมีแนวโน้มทรงตัว หลังธนาคารกลางจีนประกาศอัตราค่าเงินหยวนอ้างอิงขึ้นมาใหม่ในวันอังคารที่ผ่านมา (6.9683 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ) ปัจจุบันทรงตัวที่ระดับ 7.0450 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ถึงกระนั้นตลาดยังไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการคลายความกังวล ราคาทองคำยังอยู่ที่ระดับ 1,517.15 ดอลลาร์/ออนซ์ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมทั้งการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งมีแนวโน้มกลับมาต่ำกว่า 1.70% อีกครั้ง
ยุโรป
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3375.38 เพิ่มขึ้น 65.39 (1+.98%)
- DAX ปิดที่ 11845.41 เพิ่มขึ้น 195.26 (+1.68%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7285.9 เพิ่มขึ้น 87.2 (+1.21%)
- FTSE MIB ปิดที่ 20841.15 เพิ่มขึ้น 302.3 (+1.47%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 20593.35 เพิ่มขึ้น 76.79 (+0.37%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6568.1 เพิ่มขึ้น 48.6 (+0.75%)
- Shanghai ปิดที่ 2794.55 เพิ่มขึ้น 25.87 (+0.93%)
- Hang Seng ปิดที่ 26120.77 เพิ่มขึ้น 123.74 (+0.48%)
- SET ปิดที่ 1665.12 ลดลง -4.32 (-0.26%)
- KOSPI ปิดที่ 1920.61 เพิ่มขึ้น 10.9 (+0.57%)
- BSE Sensex ปิดที่ 37327.36 เพิ่มขึ้น 636.86 (+1.74%)
อเมริกา
- Dow 30 ปิดที่ 26378.19 เพิ่มขึ้น 371.12 (+1.43%)
- S&P 500 ปิดที่ 2938.11 เพิ่มขึ้น 54.13 (+1.88%)
- Nasdaq ปิดที่ 8039.16 เพิ่มขึ้น 176.33 (+2.24%)
Commodity
- ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 52.64 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.55 (+3.03%)
- ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 57.53 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.3 (+2.31%)
- ราคาทองคำ ปิดที่ 1517.15 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง -2.45 (-0.16%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- Markit