รมว.ต่างประเทศสวีเดนชี้ ‘เกือบแน่นอนแล้ว’ ว่าฟินแลนด์จะสมัครสมาชิก NATO ส่วนที่ยูเครนยังมีผู้ติดอยู่ในโรงงานเหล็กอาซอฟสตาลและขาดแคลนอาหาร

ความเคลื่อนไหวสงครามยูเครน-รัสเซีย และประเด็นที่เกี่ยวข้องวันนี้ (2 พฤษภาคม) แอน ลินเด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสวีเดน บอกกับสถานีโทรทัศน์ในสวีเดนวานนี้ (1 พฤษภาคม) ว่า ‘เกือบจะแน่นอนแล้ว’ ว่าฟินแลนด์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO)

การบุกยูเครนของรัสเซียทำให้ทั้งสวีเดนและเพื่อนบ้านทางตะวันออกอย่างฟินแลนด์ต้องทบทวนความเชื่อที่ว่า ความเป็นกลางทางทหารเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประกันความมั่นคงของชาติ

“เรารู้ในระดับหนึ่งว่าพวกเขา (ฟินแลนด์) จะสมัครเป็นสมาชิก NATO และนั่นเปลี่ยนความสมดุลทั้งหมด… หากหนึ่งในประเทศของพวกเราเข้าร่วม เรารู้ว่าความตึงเครียดจะเพิ่มขึ้น” ลินเดบอกกับสถานีโทรทัศน์ SVT

เมื่อถูกถามว่าเธอคิดว่าฟินแลนด์จะสมัครเข้าร่วมกับ NATO หรือไม่ ลินเดกล่าวว่า “ฉันคิดว่าคุณพูดอย่างนั้นได้ค่อนข้างแน่นอน”

ทั้งนี้ คาดว่าทั้งสวีเดนและฟินแลนด์จะตัดสินใจว่าจะสมัครเป็นสมาชิก NATO หรือไม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

เปกกา ฮาวิสโต รัฐมนตรีต่างประเทศฟินแลนด์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ (29 เมษายน) ว่า เขาหวังว่าฟินแลนด์และสวีเดนจะทำการตัดสินใจที่คล้ายกันในเวลาเดียวกัน

อีกด้านหนึ่ง เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระบุผ่านสถานีโทรทัศน์ของอิตาลีวานนี้ว่า วันครบรอบการปลดปล่อยรัสเซียในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ จะไม่มีผลใดๆ ต่อการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน

“ทหารของเราจะไม่ตั้งการปฏิบัติการของพวกเขาในวันที่เฉพาะเจาะจง” ลาฟรอฟกล่าวเมื่อถูกถามว่าวันครบรอบดังกล่าวจะเป็นจุดเปลี่ยนในความขัดแย้งหรือไม่

และสถานการณ์ในเมืองมาริอูโปลของยูเครน องค์กรด้านมนุษยธรรมได้ทำงานในการอพยพพลเรือนจำนวนมากจากเมืองท่าที่ถูกทำลายแห่งนี้ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนหลายร้อยคนที่ยังคงติดอยู่ในโรงงานเหล็กอาซอฟสตาล ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของการต่อต้านการปิดล้อมของรัสเซีย

ผู้คนที่ยังคงติดอยู่ที่นั่นขาดแคลนน้ำ อาหาร และยา ขณะที่กองกำลังรัสเซียล้อมพวกเขาเข้าไปในเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเครือข่ายบังเกอร์และอุโมงค์ได้ให้ที่หลบภัยจากการทิ้งระเบิดของรัสเซียมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์

เอรีนา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรียูเครนกล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นสัญญาณของหายนะด้านมนุษยธรรมอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ พลเรือนประมาณ 100 คนที่อพยพออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตาลมาได้แล้วนั้น มีกำหนดเดินทางถึงเมืองซาปอริซเซียที่ยูเครนถือครอง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมาริอูโปลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 230 กิโลเมตรในวันจันทร์นี้ โดย โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนแถลงผ่านวิดีโอระบุว่า ถือเป็นครั้งแรกที่มีการหยุดยิงในเขตนี้ และสามารถนำพลเรือนมากกว่า 100 คน ซึ่งมีผู้หญิงและเด็กออกมาได้

ทว่า Reuters รายงานว่า ยังมีผู้คนอีกหลายร้อยคนยังคงติดอยู่ข้างใน ผู้อพยพที่มีอายุมากคนหนึ่งพร้อมด้วยเด็กเล็กกล่าวว่า ผู้รอดชีวิตกำลังขาดแคลนอาหาร

ทั้งนี้ รัสเซียกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าได้ตัดสินใจที่จะไม่บุกโจมตีโรงงานเหล็กและจะปิดล้อมแทน แต่การทิ้งระเบิดอย่างประปรายยังคงดำเนินต่อไป เปโตร แอนดรูวเชนโก ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปลรายหนึ่งระบุกับสถานีโทรทัศน์ในยูเครนว่าเมื่อวานนี้ ทันทีที่รถโดยสารออกจากโรงงานอาซอฟสตาลพร้อมกับผู้อพยพ การโจมตีครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้นทันที

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศกล่าวว่า พวกเขามีส่วนร่วมในการดำเนินการอพยพ พร้อมกับเจ้าหน้าที่สหประชาชาติและเจ้าหน้าที่ยูเครนกับรัสเซีย

ส่วนสถานการณ์ในทางตะวันออกของประเทศนั้น กองทัพของยูเครนกล่าววันนี้ว่ากองกำลังรัสเซียกำลังพยายามเข้ายึดเมืองรูบิชเน และเตรียมโจมตีเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ ด้าน เซอร์ฮีย์ ไฮได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 3 คนจากการโจมตีใน 24 ชั่วโมงหลังสุด และการปะทะกันที่หนักที่สุดเกิดขึ้นรอบๆ เมืองโปปัสนา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวงของภูมิภาคลูฮันสก์ การโจมตีนั้นเป็นไปอย่างหนักหน่วงมากจนพวกเขาไม่สามารถเก็บรวบรวมศพได้

ไฮไดยังบอกด้วยว่าเขาไม่ต้องการแม้แต่จะพูดถึงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโปปัสนา, รูบิชเน และโนโวโตชคิสเค ในขณะนี้ “เมืองเหล่านี้ไม่มีอยู่แล้ว พวกเขาได้ทำลายเมืองเหล่านี้หมดแล้ว” เขาระบุ

ทั้งนี้ รัสเซียกำลังใช้ความพยายามในการควบคุมภูมิภาคดอนบาสอย่างสมบูรณ์ และตอนนี้กองทัพรัสเซียกำลังมุ่งความสนใจไปที่การเอาชนะต่อการต่อต้านในพื้นที่ทางใต้และตะวันออกของยูเครน หลังจากล้มเหลวในการยึดครองกรุงเคียฟในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของสงคราม ซึ่งขณะนี้สงครามก็เข้าสู่เดือนที่สามเรียบร้อยแล้ว

ส่วนในเขตของรัสเซียนั้น เวียเชสลาฟ กลัดคอฟ ผู้ว่าการแคว้นเบลโกรอดกล่าวว่า เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งในวันนี้ ในแคว้นเบลโกรอดทางตอนใต้ที่มีพรมแดนติดกับยูเครน ทั้งนี้ สาเหตุของเหตุระเบิดยังไม่ชัดเจน แต่รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าทำการโจมตีข้ามพรมแดน และกลัดคอฟกล่าวว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้

และที่กรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีพลังงานของสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) มีกำหนดจะประชุมเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ที่เกิดจากการจัดหาพลังงานของรัสเซีย ซึ่งคิดเป็น 40% ของก๊าซของ EU และ 26% ของการนำเข้าน้ำมันของ EU ด้วย

จนถึงขณะนี้ เยอรมนีและประเทศอื่นๆ ได้ต้านข้อเรียกร้องให้หยุดการนำเข้าเชื้อเพลิงของรัสเซียอย่างกะทันหัน เนื่องจากกลัวถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในขณะที่รัสเซียก็กำลังเรียกร้องให้ผู้ซื้อในยุโรปจ่ายค่าก๊าซของรัสเซียเป็นเงินสกุลรูเบิล หรือมิเช่นนั้นก็จะต้องเผชิญกับการตัดการจัดหาดังกล่าว ทั้งนี้ รัสเซียได้ระงับการจ่ายก๊าซไปยังบัลแกเรียและโปแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ทั้งสองประเทศปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในการจ่ายเงินเป็นสกุลรูเบิล

Reuters รายงานว่า บรรดานักการทูตกล่าวว่า EU กำลังมุ่งสู่การห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม โรเบิร์ต ฮาเบ็ก รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าววันนี้ว่า บางประเทศยังไม่พร้อมสำหรับการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย และเขายังกล่าวด้วยว่าเยอรมนีไม่ต้องการจุดชนวนให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจ

ภาพ: Pavlo Lys / Shutterstock

อ้างอิง: