×

Fine Dining แบบตะวันออก กับวิวชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดย่านพร้อมพงษ์ที่ Nimitr

07.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins read
  • อาหารที่ออกจากครัวของนิมิตร (Nimitr) เป็นอาหารสไตล์ ‘Cutting Edge Oriental Gastronomy’ นั่นคือศาสตร์การทำอาหารที่ผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่และโบราณ และใช้เครื่องเทศท้องถิ่นมาประกอบกับจุดเด่นของรสชาติอาหารในแถบเอเชีย จนได้เมนูที่มีรสชาติและรสสัมผัสซับซ้อน แต่ยังคงเอกลักษณ์ของวัตถุดิบและเครื่องเทศได้อย่างครบถ้วน
  • การจับคู่ไวน์กับอาหารโดยซอมเมอลิเยร์ของโรงแรม ที่จะมาแนะนำไวน์จากทั้งโลกเก่าและโลกใหม่ รวมถึงไวน์สัญชาติไทยที่มีคาแรกเตอร์และรสชาติโดดเด่นไม่แพ้ชาติอื่นๆ

หลายคนรู้จัก Fine Dining และมักเห็น Fine Dining ตามร้านอาหารยุโรปเป็นส่วนใหญ่ ครั้งนี้จะพาไปทำความรู้จัก Fine Dining แบบเอเชียกันบ้าง ที่ห้องอาหาร Nimitr (นิมิตร) ในโรงแรม 137 Pillars Suites & Residences Bangkok ซอยสุขุมวิท 39

 

 

The Vibe

เมื่อกดลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้น 27 ก็จะพบกับประตูโบราณบานใหญ่ที่นำไปสู่ห้องอาหารนิมิตร ภายในโดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเอเชียนพร้อมโทนสีน้ำเงิน ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาแห่งความฝันที่ลึกลับและน่าค้นหาเช่นเดียวกับอาหารสไตล์ Cutting Edge ของทางร้าน ที่นั่งและโต๊ะหินอ่อนได้รับการจัดวางตำแหน่งให้ผู้มาเยือนสามารถชมวิวได้ทุกมุม นอกจากนี้ยังสามารถชมขั้นตอนการปรุงอาหารได้จากครัวเปิดที่ตั้งอยู่กลางร้าน มี Wine Wall หรือผนังความสูงกว่า 6 เมตร ซึ่งเป็นชั้นเก็บไวน์ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก

 

 

The Chef

เชฟนานัง (Nanang Prasetya Aditama) เชฟสัญชาติอินโดนีเซียผู้อยู่เบื้องหลังสไตล์อาหารสุดบรรเจิดของนิมิตร อธิบายถึงความหมายของ ‘Cutting Edge Oriental Gastronomy’ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ว่า เป็นศาสตร์การทำอาหารที่ผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่และโบราณ หยิบยืมทั้งเทคนิคการทำอาหารตะวันตกและตะวันออก และใช้เครื่องเทศท้องถิ่นมาประกอบกับจุดเด่นของรสชาติอาหารเอเชีย จนได้เมนูที่มีรสชาติและรสสัมผัสซับซ้อน แต่ยังคงเอกลักษณ์ของวัตถุดิบและเครื่องเทศได้อย่างครบถ้วน

 

 

The Dishes

เชฟแนะนำให้เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยรสจัดจ้านที่มีกลิ่นอายไทยๆ อย่าง Plah Goong (650 บาท) พล่ากุ้งที่อัพเกรดวัตถุดิบโดยใช้กุ้งแลงกูสทีนจากทะเลแอตแลนติกเหนือ ให้สัมผัสนุ่มเต็มคำและรสหวาน โดยทำการแยกส่วนหัว ช่วงกลางลำตัว และหาง จากนั้นประกอบเข้าด้วยกันให้เป็นโครงเดิม รองฐานกุ้งด้วยเส้นมัทฉะโซบะที่เชฟทำขึ้นเอง แล้วคลุมเนื้อกุ้งด้วยฟิล์มใสที่ทำจากเยลลีตะไคร้ และโรยด้านบนด้วยเลมอนคาเวียร์ ส่วนข้างตัวกุ้งเป็นน้ำพริกเจลที่ครีเอตด้วยเทคนิคโมเลกุลาร์ พล่ากุ้งจานนี้เหมาะสำหรับจับคู่ทานกับไวน์ขาว Dreissigacker Organic Riesling, Rheinhessen 2015 Germany ที่มีกลิ่นของลูกพีช ลูกแพร์ เสาวรส และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้รีสลิ่งยังเข้ากันได้ดีกับอาหารเอเชีย เพราะมีความเป็นกรดค่อนข้างสูง ช่วยล้างรสชาติที่ค้างในต่อมรับรสให้เตรียมพร้อมสำหรับอาหารจานถัดไป

 

 

Asian Aromatic Spices Infused Seafood Bisque (390 บาท) ซุปจานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูซุปล็อบสเตอร์แบบฝรั่งเศส เชฟนานังดัดแปลงซุปหัวกุ้งแบบเดิมให้เป็นซุปซีฟู้ดพร้อมผสมผักและสมุนไพรเอเชียอย่างมะกรูด ต้นหอม ผักชี และผักชีลาว โดยคัดเฉพาะซีฟู้ดจากมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งไร้สารปนเปื้อน 100% นำไปสอดไส้คาเนลโลนี ซึ่งเป็นพาสต้าเส้นกระบอกสัมผัสกรุบๆ แล้วท็อปด้วยคาเวียร์จากฝรั่งเศส สำหรับซุปซีฟู้ดก็ยังคงเข้ากับไวน์ขาวชาร์ดอนเนย์ เพราะตัวซุปมีรสสัมผัสและรสชาติเข้มข้น ซอมเมอลิเยร์แนะนำ Louis Latour Mâcon-Villages Chameroy 2014 France ไวน์ขาวจากแคว้นเบอร์กันดีที่ผ่านการบ่มในถังโอ๊ก ทำให้มีความเป็นกรดน้อยกว่าปกติ อีกทั้งให้สัมผัสนุ่มละมุน มีมิติ หอมกลิ่นวานิลลาและขนมปังปิ้ง ช่วยเสริมกลิ่นอาหารและยังตัดเลี่ยนอีกด้วย

 

 

มาถึงจานหลักที่กลิ่นเครื่องเทศเตะจมูกมาแต่ไกล Lamb Tandoori (950 บาท) ซี่โครงแกะออร์แกนิกส่งตรงจากนิวซีแลนด์ นำไปปรุงรสด้วยเครื่องเทศทันดูร์ของอินเดียแล้วหมักข้ามคืน แล้วทำให้สุกด้วยอุณหภูมิต่ำ ทำให้เนื้อมีความนุ่มและฉ่ำ จากนั้นราดซอสมาคานีที่ผสมมะม่วงหิมพานต์และผงกะหรี่ เหยาะน้ำมันโหระพาอีกเล็กน้อยเพื่อให้กลิ่นหอม ใส่ถั่วลันเตาและถั่วแระญี่ปุ่น ทานคู่กับแป้งนานสอดไส้ริคอตตาชีสกับโยเกิร์ต และทำแป้งให้รูปทรงเหมือนราวิโอลี พาสต้าหน้าตาคล้ายเกี๊ยว ทานทุกองค์ประกอบในจานพร้อมกันเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด และอย่าลืมจับคู่กับไวน์แดง Sileni Estate, Cellar Selection Syrah Hawke’s Bay, 2013 New Zealand ซึ่งมีสัมผัสของเครื่องเทศและสมุนไพร รวมถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี ช่วยลดความคาวของเนื้อแกะได้ดี

 

Rosella Panna Cotta (290 บาท) พานนาคอตตาเสียบไม้คล้ายไอศกรีมแท่ง สอดไส้เยลลีกระเจี๊ยบและราดซอสกระเจี๊ยบเพื่อความเข้มข้นอีกขั้น ทานคู่กับมาสคาร์โปเนไอศกรีม เมอแรงก์กุหลาบ ลิ้นจี่ และมิกซ์เบอร์รี เพิ่มสัมผัสกรุบๆ จากช็อกโกแลตและอัลมอนด์ครัมเบิล ซอมเมอลิเยร์ยังทิ้งท้ายว่า ของหวานก็สามารถจับคู่กับไวน์หวานเช่นกัน โดยแนะนำไวน์สัญชาติไทย Monsoon Valley Last Harvest Chenin Blanc 2016 Thailand ใช้ผลองุ่นที่สุกคาต้นซึ่งมีรสหวานจัดนำมาทำไวน์ ให้กลิ่นหอมผลไม้แห้ง องุ่นเรซิน พีช และน้ำผึ้ง

 

 

สำหรับเครื่องดื่มนอกจากไวน์ก็มีซิกเนเจอร์ค็อกเทลจาก The Marble Bar หากชื่นชอบค็อกเทลแบบเรียบง่าย Violet Garden (350 บาท) น่าจะตอบโจทย์ เพราะเบสจากเหล้าจินฝรั่งเศสและโทนิก เพิ่มลูกเล่นและความสวยงามด้วยมิกซ์เบอร์รี ผลไม้ซิตรัส เลมอน และโรสแมรี พร้อมด้วยน้ำดอกอัญชันสดให้เทผสมกับค็อกเทลเพื่อเปลี่ยนสีให้กลายเป็นสีม่วงสดใส แก้วนี้เหมาะสำหรับดื่มเบาๆ ก่อนมื้ออาหาร

 

 

Thousand CC (350 บาท) อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่ชูโรงเรื่องความเข้ม เพราะเบสด้วยวิสกี้และเครื่องดื่มชูกำลัง เพิ่มรสชาติด้วยน้ำส้มสดและน้ำตาลทรายแดง มีทั้งความหวานและแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับดื่มสร้างความครึกครื้นตลอดทั้งคืน

 

What You Should Know:

  • ก่อนที่จะกินดินเนอร์ ลองแวะไปดื่มเบาๆ ก่อนมื้ออาหารได้ที่ The Marble Bar ค็อกเทลบาร์หินอ่อนข้างสระว่ายน้ำ ที่มีเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน
  • หากไม่ได้ขับรถมาเอง ทางโรงแรมมี ‘Louie the London Cab’ บริการรับส่งด้วยรถแท็กซี่ลอนดอนสีน้ำเงินสดใส สามารถขึ้นฟรีได้จาก BTS พร้อมพงษ์ หรือห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

 

Nimitr

Address: ชั้น 27 โรงแรม 137 Pillars Suites & Residences Bangkok

ซอยสุขุมวิท 39

Open: ทุกวัน เวลา 12.00-15.00 น. และ 18.00-22.00 น.

Contact: 0 2079 7000

Website: 137pillarsbangkok.com/en/dining/nimitr

Map: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising