×

เบื้องหลังชัยชนะของเม็กซิโกที่เคลือบประเด็นการเหยียดเพศของกลุ่มคนรักชอบเพศเดียวกัน

19.06.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • เกมล่าสุดที่เม็กซิโกเจอกับเยอรมนีและเป็นฝ่ายชนะไปได้ 1-0 แฟนบอลเม็กซิโกได้ตะโกนคำว่า Puto! ใส่มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทัพอินทรีเหล็ก โดยคำนี้มีความหมายสแลงว่า ‘โสเภณีชาย’ ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ และฟีฟ่าก็ได้ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบแล้ว
  • Puto เป็นคำที่แฟนทีมจังโก้มักจะใช้โจมตีนักฟุตบอลทีมตรงข้ามเพื่อให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองและถูกรบกวนสมาธิ โดยในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ปี 2018 โซนอเมริกาเหนือ สมาคมฟุตบอลเม็กซิโกถูกสั่งเตือนและปรับรวมกว่า 12 ครั้ง
  • แฟนบอลกลุ่ม LGBT ไม่กล้าเดินทางไปเชียร์ฟุตบอลที่รัสเซีย เพราะเกรงว่าจะถูกคุกคามทางเพศและถูกทำร้าย ล่าสุดสถานที่จัดเชียร์บอลสำหรับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศและกลุ่มคนหลากชาติพันธ์ุในรัสเซียได้ถูกเจ้าของสถานที่ห้ามจัดกิจกรรมชมฟุตบอลแล้ว

 

 

แมตช์การแข่งขันระหว่างทีมชาติเยอรมนีและเม็กซิโกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 มิ.ย.) ประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจมากที่สุดคือการรวมพลังฮึดสู้คว่ำแชมป์เก่าไป 1-0 ของทัพจังโก้ ซึ่งเป็นการคว้าชัยครั้งแรกในรอบ 33 ปี (เม็กซิโกชนะเยอรมนีครั้งล่าสุดได้ในปี 1985 สมัยที่เป็นเยอรมนีตะวันตก)

 

 

นอกจากจะชนะทีมเต็งแชมป์ไปเหนือความคาดหมายแล้วที่เม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโกยังเกิด ‘แผ่นดินไหวเทียม’ อีกด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการที่แฟนบอลกระโดดดีใจกันสนั่นเมือง

 

 

แต่ในเรื่องน่ายินดีก็ยังมีเรื่อง ‘ไม่น่ารัก’ ปะปนมาให้แฟนบอลเม็กซิโกส่วนใหญ่ต้องเสียชื่อเสียงตามไปด้วย เมื่อแฟนบอลบางกลุ่มในสนามลุจนีกี สเตเดียม ในกรุงมอสโก ไปตะโกนใส่มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนี ในช่วงที่เขากำลังจะเตะบอลเปิดเกมว่า ‘Puto!’ ซ้ำไปซ้ำมา (คำว่า Puto มีความหมายสแลงว่าโสเภณีชาย)

 

 

ไม่มีใครล่วงรู้จิตใจกลุ่มแฟนบอลนิสัยไม่น่าคบหากลุ่มดังกล่าวได้เลยว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ จึงได้ตะโกนถ้อยคำเกลียดกลัวกลุ่มคนรักชอบเพศเดียวกัน (Homophobia) ออกมาแบบนั้น

 

เช่นเดียวกัน แม้นอยเออร์อาจไม่ทราบว่าเสียงตะโกนที่ด่าตนหมายถึงอะไร แต่แฟนบอลและคนที่เข้าใจภาษาสเปนจำนวนไม่น้อยย่อมทราบดี

 

ฮาเวียร์ รุยซ์ การ์ลินโด หัวหน้าทีมเชียร์ของเม็กซิโกในมอสโก ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ‘คำเชียร์’ ที่แฟนบอลตะโกนออกไปอาจตีความได้ในหลายแง่มุม แต่ก็เชื่อว่าแฟนบอลจากประเทศของตนไม่ควรจะแสดงท่าทีเกลียดกลัวคนรักชอบเพศเดียวกันในลักษณะนั้น

 

“มันอาจจะไม่ได้เป็นการเหยียดหยามใครคนใดคนหนึ่ง เราถูกร้องขอหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ทำเช่นนั้น และพวกเราก็ควรจะเคารพด้วย”

 

ด้านฮูเลียนา ฮิมิเนซ ฮามาริโญ ได้เขียนอธิบายไว้อย่างน่าสนใจไว้ว่า Puto ที่แฟนบอลเม็กซิโกใช้ตะโกนใส่คู่แข่งฝั่งตรงข้ามยามเตะลูกนิ่งก็เพื่อเป็นการเล่นหลักจิตวิทยาบั่นทอนความรู้สึกความเป็นชายของพวกเขา และยังคล้ายเป็นคำยั่วยุให้ผู้รักษาประตูคนนั้นถูกถล่มประตู (แฝงความหมายสแลงแบบไม่น่าให้อภัย)

 

จนถึงตอนนี้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ที่ตอนนี้ได้ยื่นเรื่องเข้ามาสอบสวนการกระทำและการตะโกนถ้อยคำเหยียดเพศของแฟนบอลเม็กซิโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมระบุว่า “เราจะแจ้งข้อมูลอัปเดตให้ทราบเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนด เนื่องจากกระบวนการสอบสวนกำลังดำเนินอยู่ ณ ขณะนี้ จึงโปรดเข้าใจด้วยว่าเรายังไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมได้”

 

 

แฟนบอลเม็กซิโกเป็นที่โจษจันและขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในการใช้ถ้อยคำเหยียดเพศตะโกนใส่คู่แข่ง โดยฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนอเมริกาเหนือ สมาคมฟุตบอลเม็กซิโก หรือ FMF (The Mexican Football Federation) ถูกฟีฟ่าเตือนไปแล้วทั้งสิ้น 2 ครั้ง และถูกสั่งปรับเงินไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการดูหมิ่นคู่แข่งและเหยียดเพศ

 

จะบอกว่าแฟนบอลเม็กซิโกเป็นแฟนบอลเพียงประเทศเดียวที่มีปัญหาการใช้ถ้อยคำเหยียดเพศก็ไม่ถูก เพราะแฟนบอลทีมในแถบอเมริกาใต้ก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนๆ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาร์เจนตินาและชิลี

 

 

สำหรับมาตรการเฝ้าระวังพฤติกรรมการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมของแฟนบอลในสนามกับฟุตบอลโลก 2018 หนนี้ ฟีฟ่าได้ใช้วิธีส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คนเข้าไปเป็นสายสืบนั่งสังเกตการณ์ในสนามและคอยรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟีฟ่าแต่เพียงผู้เดียวเพื่อดำเนินการลงโทษตามลำดับขั้นตอน

 

นับจนถึงตอนนี้ (19 มิ.ย.) แม้ฟุตบอลโลกเพิ่งแข่งไปได้แค่ 14 แมตช์ 5 วันเท่านั้น แต่เราก็ได้เห็นพฤติกรรมการเหยียดเพศที่ไม่น่ารักออกมาแล้ว และฟีฟ่าก็คงต้องเร่งหามาตรการจัดการให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นเกมกีฬาที่สวยงามและเปิดกว้างให้สำหรับคนทั่วโลก หลากชาติพันธ์ุ และทุกเพศสภาพ ก็จะกลายเป็นพื้นที่แสดงความเกลียดชังที่ไม่สร้างสรรค์อีกต่อไป

 

 

ความกังวลที่เกิดขึ้นตั้งแต่บอลยังไม่ถูกเขี่ยในนัดเปิดสนาม

ศัตรูตัวฉกาจที่อยู่คู่กับวงการฟุตบอลมานานนอกจากการเหยียดผิวก็หนีไม่พ้นการเหยียดเพศสภาพ

 

มีความกังวลจากองค์กรต่างๆ และแฟนบอลกลุ่ม LGBT จำนวนไม่น้อยที่ลังเล ไม่กล้าเดินทางมาฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียในปีนี้ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและอาจจะถูกเป็นเป้าโจมตี

 

เริ่มตั้งแต่อเล็กซานเดอร์ อกาพอฟ ประธานสหพันธ์กีฬา LGBT รัสเซีย ที่เคยให้สัมภาษณ์ในช่วงก่อนที่มหกรรมกีฬาฟุตบอลโลกจะเริ่มแข่งขันกันไว้ว่า “ส่ิงที่ผมต้องการจะย้ำคือแฟนบอลกลุ่ม LGBT รู้สึกไม่ปลอดภัยในรัสเซีย โดยเฉพาะในสนามฟุตบอล

 

“หลายคนรู้สึกว่าคณะกรรมการจัดการแข่งขันมีแนวทางดำเนินงานที่เป็นทางการ แต่กลับไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเลย ไม่มีแม้แต่มาตรการหรือการการันตีความปลอดภัยสำหรับแฟนบอล แม้กระทั่งการยอมรับอย่างเปิดเผยในชุมชนคนฟุตบอล”

 

สาเหตุที่กลุ่มคนรักเพศเดียวกันถูกต่อต้านมากในประเทศรัสเซีย เพราะการเป็น LGBT เคยถูกพิจารณาว่าเป็นอาการป่วยทางจิต ขณะที่อัตราการทำร้ายร่างกายและการก่อเหตุอาชญากรรมกับกลุ่ม LGBT ก็สูงพอสมควร

 

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือองค์กรต่างๆ ได้จัดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับแฟนบอลกลุ่ม LGBT เพื่อให้ได้มารวมตัวกันเชียร์ฟุตบอลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว รวมถึงการถูกคุกคามจากแฟนบอลเจ้าถิ่น

 

แต่ปรากฏว่าเจ้าของสถานที่กลับบีบให้กลุ่มผู้จัดงานต้องออกจากสถานที่และฉีกสัญญาของพวกเขาไป…

 

เอเลนา บีโลคูโรวา นักเคลื่อนไหวและนักจัดกิจกรรมเพื่อสังคมเล่าว่า “พวกเขาขอให้เราออกจากสถานที่ได้หยาบคายมาก ตัดระบบไฟฟ้าลงทั้งหมดโดยไม่อธิบายอะไรกับเราทั้งสิ้น”

 

เพราะฟุตบอลไม่ใช่กีฬาของผู้ชาย ไม่ใช่กิจกรรมต้องห้ามสำหรับผู้หญิง และไม่ใช่บริเวณห้ามเข้าสำหรับกลุ่มคนรักชอบเพศเดียวกัน หรือ LGBT แต่ฟุตบอลคือกีฬาของคนทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีเชื้อชาติไหน สีผิวอะไร หรือมีรสนิยมทางเพศแบบใดก็ตาม…

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising