ย่านอารีย์คือแหล่งคาเฟ่และร้านอาหารที่ไม่ได้กำลังเติบโต แต่กำลังค่อยๆ เปลี่ยน จากอาหารริมทาง ร้านเก่าแก่ สู่ร้านอาหารรุ่นใหม่ บาร์เก๋ ไล่ตั้งแต่ปากซอยไปจนท้ายซอย และขยับขยายไปยังโซนที่อยู่ติดกันอย่างอารีย์สัมพันธ์กับประดิพัทธ์
เราจะพาไปทำความรู้จักนีออนบาร์ในซอยอารีย์ 4 (เหนือ) ที่รู้จักเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคน และนำเสนอออกมาให้เราเห็นจากการจัดแสงไฟไปจนถึงเมนูของกินและเครื่องดื่ม
แม้จะเปิดมาได้สักพักใหญ่ แต่ผู้คนยังคงแวะเวียนมา Feeling Bar (ฟีลิงบาร์) ไม่ขาดสาย ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ตลอดจนครอบครัว และผู้พักอาศัยย่านนี้ ด้วยการตกแต่งที่ดึงดูดตาตั้งแต่ไฟนีออนหน้าร้าน เป็นประโยคคำถามถึงทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาว่า
“How are you feeling tonight?”
แสงไฟให้ช่วยจินตนาการว่าอยู่ยุค 80’s นิดๆ
The Vibe
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายด้วยโทนสีขาว เพื่อที่จะให้แสงไฟโดดเด่น โดยจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตามธีมอารมณ์ของวัน ผนังด้านหนึ่งของร้านมีอักษรไขว้ที่แฝงด้วยคำที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก ส่วนเคาน์เตอร์บาร์ก็มีเกมเล็กๆ น้อยๆ ให้หยิบยืมไปเล่นกันได้ หากมาก่อนสองทุ่มก็มีเพลย์ลิสต์เปิดเพลงตามอารมณ์ที่ร้านจะแจ้งผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก และหลังจากสองทุ่มก็จะมีดนตรีสดมาสร้างสีสันยาวไปจนถึงเที่ยงคืน
หมูร้องไห้กับน้ำพริกปลาร้าทำเอง และเส้นหมี่ลวกคลุกน้ำมันกระเทียมเจียวและผักย่าง
The Dishes
ไม่เพียงแต่ธีมร้านที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกคนผ่านแสงสี เมนูเครื่องดื่มและของกินที่นี่ก็มีการจัดหมวดหมู่ของกินและเครื่องดื่มตามแต่ละ ‘Feeling’ เช่นกัน ระหว่างรอเพื่อน สั่งอะไรกินเล่นก่อนดีกว่า โทฟุ ฟรายด์ (120 บาท) ของกินเล่นหมวด Feeling Relaxed เป็นเต้าหู้ทอดเกลือหั่นแท่งแบบเฟรนช์ฟรายส์ มาพร้อมซอสส้มมาโย ด้วยรสชาติที่ตัดกันอย่างสุดขั้วระหว่างเต้าหู้ทอดเกลือกับมาโย ของกินเล่นจานนี้อาจกลายเป็นเมนูโปรดใหม่ล่าสุดของคุณ หรือไม่ก็เกลียดไปเลยก็ได้
ข้าวปั้นหน้าปลาทู ท็อปด้วยซอสน้ำพริกเผา น้ำพริกขี้กา
ต่อด้วยของกินแกล้มเบียร์อีกอย่างซึ่งอยู่หมวด Feeling Relaxed เหมือนกัน จานนี้คือ กรุบกรอบ (100 บาท) ซึ่งได้ไอเดียมาจากมาม่าดิบฉีกซองเครื่องปรุงแล้วเขย่าให้เข้ากัน แต่ที่ร้านนำมาคลุกเคล้ากับซอสพริกเผา โรยสมุนไพรทอดกรอบและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แถมเบคอนกรอบมาให้ด้วย ดูเหมือนจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่ขอบอกเลยว่า กินเพลินจนลืมอิ่ม
รักสามเศร้า (120 บาท) แค่ชื่อก็พอจะเดาออกว่าเป็นของกินในหมวด Feeling Sad ทาปาสกินเล่นที่เป็นข้าวปั้นหน้าปลาทู ท็อปด้วยซอสน้ำพริกเผา น้ำพริกขี้กา และวาซาบิมาโย แต่หากไม่กินปลาทูก็สามารถเปลี่ยนเป็นหน้าหมูหรือไก่ย่าง
รวมขบวนความเหม็นกับหมี่เหม็นหน้า
หมูร้องไห้ (240 บาท) เมื่อเสือร้องไห้จนเบื่อ ทางร้านจึงนำหมูมาย่างกับน้ำพริกปลาร้าที่ทำเอง ซึ่งมาคู่กับเส้นหมี่ลวกคลุกน้ำมันกระเทียมเจียวและผักย่าง จะสั่งเป็นจานเดี่ยวกินเองไม่แบ่งใครหรือแชร์กันก็อร่อยไปอีกแบบ
และถ้ายังไม่อิ่ม ก็มีจานหนัก อาทิ หมี่เหม็นหน้า (180 บาท) จากของกินในหมวด Feeling Alone เป็นหมี่ผัดกระเฉดไฮบริดกับผัดสามเหม็น (แต่ไม่ได้ใส่กระเทียมโทนดอง) ในผัดหมี่ใส่สะตอ ชะอม กุ้งสด และหมูสับ
ซ่อนเสน่ห์ เบสด้วยแม่โขง ผสมน้ำเชื่อมดอกมะลิและน้ำลิ้นจี่
The Drinks
มาถึงเครื่องดื่มกันบ้าง เราตกลงปลงใจเลือก ช้ำแล้วไง (250 บาท) Feeling Sad แบบนี้มันต้องสุดๆ ไปเลย ทั้งอารมณ์และค็อกเทล จัดไป แสงโสมผสมเหล้าหวานกลิ่นอัลมอนด์ น้ำเชื่อมใบบัวบก (ขนาดน้ำเชื่อมยังช้ำตาม) และน้ำมะนาว ทัดด้วยก้านไม้เสียบแห้วมาให้เคี้ยวเพิ่มความช้ำเข้าไปอีก ใครที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ช้ำๆ เราชี้ทางให้คุณแล้ว
ส่วนใครที่มู้ดตรงกันข้าม ลองจิบ ซ่อนเสน่ห์ (250 บาท) แก้วที่เบสด้วยแม่โขง ผสมน้ำเชื่อมดอกมะลิและน้ำลิ้นจี่ ได้ความหอมสดชื่นเข้าไปเต็มๆ ตลอดทั้งคืน
คืนนี้คุณล่ะอารมณ์ไหน?
What You Should Know:
ดนตรีของร้านเปลี่ยนไปตามวัน และมีดนตรีสดทุกวันตั้งแต่สองทุ่มจนถึงเที่ยงคืน ดังนี้
- จันทร์: Feeling Relaxed / Easy Listening
- อังคาร: Feeling Loved / Love & Duet
- พุธ: Feeling Missed / 90’s-00s Pop & Rock
- พฤหัสบดี: Feeling Blues / Sad, R&B
- ศุกร์: Feeling Happy / All Hits
- เสาร์: Feeling Excited / Today’s Hits
Feeling Bar
Open: วันจันทร์-เสาร์ เวลา 18.00-01.00 น.
Address: 18 ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ
Budget: 300-600 บาท
Contact: 08 2425 1515
Website: www.facebook.com/feelingbarAri
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล