ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่ โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ดันให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ ซึ่ง Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความมั่งคั่งจากหุ้นของชาวอเมริกันหายไปกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหลังวิกฤตโควิด
- Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด 0.75% พร้อมส่งสัญญาณขึ้นต่อลากยาวถึงปีหน้า
- นักวิเคราะห์ชี้พิษนโยบาย Fed เป็นเหตุทำตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน
ในส่วนของการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่ Fed คาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2023 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 โดย Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2007
นักวิเคราะห์ประเมินว่า หลังจากที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2023 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ Fed ยังคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 1.0% ในปี 2024 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปีดังกล่าว และ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1.0% ในปี 2025 สู่ระดับ 3.1% ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับตัวสู่ระดับ 2.5%
การตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% อีกครั้งส่งท้ายปี 2022 ครั้งนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวได้ชะลอความร้อนแรงลงต่อเนื่อง โดยลงมาอยู่ที่ 7.1% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ 9.1% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวว่า แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกว่าทิศทางเงินเฟ้ออ่อนตัวลง แต่ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนที่สามารถกระตุ้นเงินเฟ้อให้พุ่งกลับมาได้ ดังนั้นจึงยังไม่ถึงเวลาที่ Fed จะประกาศชัยชนะเหนือเงินเฟ้อในขณะนี้ และว่าข้อมูลตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนที่ลดลงเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง แต่จำเป็นจะต้องมีหลักฐานชัดเจนเพิ่มเติมมากกว่าก่อน ในการทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางขาลงอย่างยั่งยืนแน่นอน
ขณะเดียวกัน ประธาน Fed ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง หากว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดไว้
คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตแบบชะลอตัว
ในส่วนของภาพรวมทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแห่งนี้ Fed ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถขยายตัวได้เพียง 0.5% เท่านั้นในปี 2023 และอัตราการว่างงานจะขยับเพิ่มขึ้นในปี 2023 จาก 3.7% ในปีนี้ไปอยู่ที่ 4.6% ในปีหน้า และอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024 ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้เศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ
ในส่วนของปฏิกิริยาตอบรับของตลาดหุ้น รายงานระบุว่า หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ หลังมีรายงาน Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.5% แต่กลับแกว่งตัวลงในช่วงท้ายของการซื้อขาย และปิดลบในวันพุธ (14 ธันวาคม) หลังถ้อยแถลงทางนโยบายของ Fed คาดว่าอาจต้องคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานานยาวถึงปี 2024 ในความพยายามควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 142.29 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 33,966.35 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 24.33 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 3,995.32 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 85.93 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 11,170.89 จุด ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่วนใหญ่ลดลงหลังจากการเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ เช่นเดียวกัน
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ CFRA กล่าวว่า การแห่เทขาย สะท้อนถึงความผิดหวังของนักลงทุนในตลาดที่คาดหวังให้ Fed ผ่อนคลายความเข้มงวดของนโยบายการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สำหรับภาพรวมของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ (14 ธันวาคม) ประมาณ 70% ของหุ้นใน S&P 500 ปิดตัวในแดนลบ โดยบริษัทเทคโนโลยี ธนาคาร และผู้ค้าปลีกเป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุด ซึ่ง Apple ลดลง 1.6%, Goldman Sachs ลดลง 2.3% และ Best Buy ลดลง 3.9%
ด้านราคาทองคำในวันพุธที่ 14 ธันวาคม ปรับลดเล็กน้อย แกว่งตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ทั้งนี้ ตลาดโลหะมีค่าชนิดนี้ปิดการซื้อขายก่อนหน้า Fed มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 6.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,818.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อ้างอิง:
