×

ดาวโจนส์ร่วงต่อเนื่องวันที่ 3 ตลาดเริ่มกังวล ‘Fed’ ส่อหั่น QE ภายในปีนี้ นักลงทุนจับตาประชุม Jackson Hole สัปดาห์หน้า

20.08.2021
  • LOADING...

สถานีโทรทัศน์ CNN ได้สรุปรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม ซึ่งมีสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนว่า Fed อาจจะลดปริมาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ คือ ภายในสิ้นปีนี้   

 

กรณีดังกล่าวได้สร้างความประหม่าและวิตกกังวลให้แก่นักลงทุนในตลาด สะท้อนผ่านดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ปิดตลาดปรับตัวในแดนลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่วน ดัชนี S&P 500 และดัชนีแนสแด็กต่างปรับตัวลดลงในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดฟื้นคืนมาได้เล็กน้อย

 

นอกจากนี้ ดัชนีความกลัวและความโลภ หรือ Fear and Greed Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดสภาวะอารมณ์ของนักลงทุนที่ขับเคลื่อนตลาดในปัจจุบัน กลับร่วงลงสู่ระดับความกลัวขั้นสุดหรือ Extreme Fear จากระดับกลางๆ เมื่อ 2 วันก่อนหน้า และจากระดับกลัว (Fear) ปกติที่ 42 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ขณะที่ 1 ปีที่แล้ว ตลาดยังคงขับเคลื่อนด้วยความโลภ หรือ Greed ที่ 68

 

ทั้งนี้ รายงานประชุม Fed (Minutes) แสดงให้เห็นว่าที่ประชุมส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้จะเป็นเงื่อนไขรับรองการลดปริมาณการซื้อคืนพันธบัตรรายเดือนภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

 

แม้จะทำให้นักลงทุนวิตกกังวล แต่ผลประชุม Fed ดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างจับตาการประชุม Fed ที่ Jackson Hole ที่จะมีขึ้นสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อรอดูสัญญาณที่น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของ Fed ซึ่งยังเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง ภายในปีนี้

 

นักวิเคราะห์จาก Bank of America คาดการณ์ว่า ถ้า Fed จะเดินหน้าลด QE จริง การประชุม Fed ในเดือนกันยายนอาจเร็วเกินไปที่จะเริ่มต้น เพราะ Fed เองก็แสดงท่าทีชัดเจนมาก่อนหน้านี้แล้วว่า หากจะลด QE Fed จะส่งสัญญาณบอกล่วงหน้าก่อนมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ดังนั้น ถ้า Fed จะลด QE จริง คำสั่งดังกล่าวน่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน

 

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ยังมองว่าปัจจุบันยังคงเร็วเกินไปที่ Fed จะดำเนินการตัดสินใจใดๆ เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจบางตัวอย่างตลาดงานยังไม่นิ่ง เพราะมีปัจจัยคุกคามจากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงเท่านั้น แต่ยังทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันปรับตัวลงในแดนลบ โดยราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ที่ 63.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน พบว่าลดลงสู่ระดับ 348,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน แต่จำนวนคนที่ขอรับสิทธิประโยชน์จากโครงการช่วยเหลือตกงานเพราะโควิดระบาด หรือ Pandemic Unemployment Assistance Program ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ 109,379 ราย

 

ความกลัวและกังวลของนักลงทุน บวกกับท่าทีของ Fed ทำให้นักลงทุนแห่วิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งเมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) ดัชนีดอลลาร์ที่วัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งนำนิวไฮ แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน

 

ในส่วนของบรรยากาศและทิศทางการลงทุน แคธี วูด แห่ง ARK Investment ได้ออกมาแสดงความเห็นในเชิงปกป้องกลยุทธ์แนวทางการลงทุนของตนเองที่ยังมุ่งเน้นหุ้นในกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสวนทางกับบรรดานักลงทุนในตลาดที่หันไปลงทุนแบบชอร์ตกันมากขึ้น โดยวูดย้ำชัดว่า ตลาดเทคโนโลยียังคงห่างไกลจากสภาวะฟองสบู่ และยังคงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

 

นอกจากนี้ วูดกล่าวอีกว่า กองทุนของตนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่บรรดาผู้จัดการพอร์ตส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การหดตัว (Deflation) ของนวัตกรรม ซึ่งนวัตกรรมหลักที่วูดมุ่งลงทุนใน 5 แพลตฟอร์ม คือ การจัดลำดับดีเอ็นเอ, หุ่นยนต์, การจัดเก็บพลังงาน, ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีบล็อกเชน แทบจะไม่มีภาวะ Deflation เกิดขึ้นเลย ก่อนย้ำปิดท้ายว่า แนวทางการลงทุนของ ARK มุ่งเน้นผลตอบแทนในระยะยาวเป็นหลัก และโลกอนาคตต่อจากนี้คือยุคของนวัตกรรมและเทคโนโลยี

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising