วันนี้ (13 กรกฎาคม) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตัวเอง ซึ่ง อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ทันทีว่า บริษัทผู้ผลิตหรือนำเข้าชุดตรวจแอนติเจน 24 บริษัท เป็นชุดทดสอบที่ใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหลัง
เมื่ออนุมัติให้ใช้ด้วยตนเองจึงมีการปรับชุดทดสอบเป็นการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหน้า ซึ่ง อย. ได้เร่งให้บริษัทจัดทำคู่มือในการอธิบายประชาชนและแสดงหลักฐานว่าชุดตรวจที่เก็บตัวอย่างจากการแยงโพรงจมูกด้านหน้ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการแยงโพรงจมูกด้านหลังเพื่อให้มีมาตรฐาน ขณะนี้มีบริษัทที่ยื่นเรื่องเข้ามาปรับชุดตรวจเป็นโพรงจมูกด้านหน้าประมาณ 7 บริษัท คาดว่าจะเริ่มใช้ได้จริงในสัปดาห์หน้า
“ระหว่างนี้ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เร่งทำคลิปวิดีโออธิบายการใช้ในประชาชน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องถึงขั้นตอนการทำ ตั้งแต่การเก็บตัวอย่างการแยงโพรงจมูกด้านหน้าที่ต้องลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร ปั่นจมูกชิดด้านขวา เพื่อให้ตัวอย่างที่เก็บมีความสมบูรณ์ การนำมาแช่ในน้ำยาและวิธีการจัดเก็บทำลายเพื่อไม่ให้กลายเป็นขยะติดเชื้อ” นพ.สุรโชคกล่าว
นพ.สุรโชคกล่าวว่า การวางจำหน่ายชุดทดสอบนี้จะทำในร้านขายยาที่มีเภสัชกรและต้องมีการรายงานการจำหน่ายมายัง อย. เหมือนกับเครื่องมือแพทย์ทั่วไป ภายในสัปดาห์นี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กระจายชุดทดสอบนี้ลงไปในคลินิกชุมชนอบอุ่นแล้ว อย่างไรก็ตาม อย. ยังกังวลถึงการใช้ชุดตรวจที่ถูกต้อง เพราะวิธีการตรวจนี้อาจไม่แม่นยำเท่า RT-PCR แต่เหมาะสำหรับคนเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการและต้องการรับการตรวจอย่างรวดเร็ว
แต่ต้องควบคู่กับมาตรการกักตัวอย่างเคร่งครัด เพราะบางรายผลตรวจเป็นลบ ต้องมีการตรวจซ้ำใน 3 วันถัดไปหรือเมื่อมีอาการ เพื่อความแม่นยำปลอดภัย เพราะชุดตรวจดังกล่าวจะตรวจจับได้ดีในคนที่มีปริมาณเชื้อมาก ก็จะแสดงผลเป็นบวก และเมื่อตรวจแล้วยังต้องมีช่องทางการติดต่อกับสถานพยาบาลด้วย ทุกอย่างต้องทำอย่างเป็นระบบ