×

‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่จาก Facebook เป็น ‘Meta’ สะท้อนความทะเยอทะยานที่ต้องการเป็นมากกว่า ‘บริษัทโซเชียลมีเดีย’ และมุ่งสู่ Metaverse

29.10.2021
  • LOADING...
Facebook

ย้อยกลับไปเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา The Verge รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook ในสัปดาห์หน้า เพื่อสะท้อนถึงการมุ่งเน้นที่การสร้าง Metaverse ซึ่งที่สุดแล้วข่าวนี้ก็ไม่ได้เป็นข่าวลวง เพราะได้มีการเปลี่ยนชื่อจริงๆ

 

‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ได้ออกมาประกาศในการประชุมประจำปี Facebook Connect Augmented โดยเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook มาเป็น ‘Meta’ ซึ่งชื่อใหม่นี้สะท้อนถึงความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นของ Facebook ที่ต้องการเป็นมากกว่าโซเชียลมีเดีย แต่กำลังมุ่งไปสู่ metaverse 

 

“วันนี้เราถูกมองว่าเป็นบริษัทโซเชียลมีเดีย แต่ใน DNA ของเรา เราเป็นบริษัทที่สร้างเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงผู้คน และ Metaverse เป็นพรมแดนถัดไป เช่นเดียวกับการเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ในยุคที่เราเริ่มต้น” ซักเคอร์เบิร์กกล่าว “จากนี้ไปเราจะ Metaverse-First ไม่ใช่ Facebook-First”

 

ในวิสัยทัศน์ของ Meta ผู้คนจะรวมตัวกัน และสื่อสารกันโดยเข้าสู่สภาพแวดล้อมเสมือนจริง ไม่ว่าพวกเขาจะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในห้องประชุมคณะกรรมการ หรือออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในมุมที่ห่างไกลของโลก โดยบริษัทจะใช้งบกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการสร้าง Metaverse และหวังว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า Metaverse จะก้าวขึ้นมาเป็นสื่อกระแสหลัก

 

ชื่อใหม่นี้จะไม่ส่งผลต่อวิธีที่บริษัทใช้หรือแชร์ข้อมูล และโครงสร้างองค์กรจะไม่เปลี่ยนแปลง แอปฯ ต่างๆ รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กหลักอย่าง Facebook, Instagram, Messenger และ WhatsApp จะใช้ชื่อเดิมต่อไป ขณะเดียวกันหุ้นของบริษัทจะเริ่มซื้อขายภายใต้สัญลักษณ์ใหม่ MVRS ในวันที่ 1 ธันวาคม

 

ในอดีต Facebook หวังที่จะจัดวางฐานผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งประกอบด้วยผู้คนมากกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก ให้กลายเป็นกลุ่มผู้ชมที่จะเปิดรับประสบการณ์ดิจิทัลที่สมจริง ผ่านอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์เสริมและซอฟต์แวร์เสมือนจริง ซึ่งเป็นธุรกิจที่ Meta และคู่แข่งกำลังมุ่งไป

 

Meta ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายแรกที่ทำการรีแบรนด์ แต่ Meta อาจมีเหตุผลอื่นในการเปลี่ยนแปลงเอกลักษณ์องค์กร ซึ่งการให้ความสำคัญกับ Metaverse มากขึ้น ทำให้บริษัทดูเหมือนจะกระจายธุรกิจไปในช่วงเวลาที่เผชิญกับแรงกดดันใหม่ๆ ในตลาดโซเชียลมีเดีย คู่แข่งที่อายุน้อยกว่า เช่น TikTok ของ ByteDance Ltd. กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 25 ปี และซักเคอร์เบิร์กออกมาพูดว่า ว่าเขากำลังปรับแต่ง Meta เพื่อมุ่งเน้นการดึงดูดคนหนุ่มสาวอีกครั้ง

 

การสร้าง Metaverse จะช่วยให้ Meta ลดการพึ่งพาระบบปฏิบัติการมือถือและบราวเซอร์ เช่น Google และ Apple Inc. หลังยอดขายในไตรมาสที่ 3 ของ Meta และการคาดการณ์ในไตรมาสที่ 4 นั้นไม่เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกฎใหม่ของ Apple เกี่ยวกับแอปฯ ข้อมูล เช่น Facebook และ Instagram สามารถรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ iPhone ได้น้อยลง

 

ถึงกระนั้น Meta ก็เป็นเครื่องจักรทำเงิน และเติบโตจนเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด รายรับคาดว่าจะสูงถึง 1.17 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2012 ซึ่งเป็นปีที่ Facebook เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ รายได้สุทธิคาดว่าจะแตะ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2021 

 

โดย Facebook ครอบเม็ดเงิน 24% ของตลาดโฆษณาดิจิทัลประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ตามที่นักวิเคราะห์ eMarketer, Inc. ซึ่งครองอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับ Google ซึ่งเป็นผู้นำประมาณ 29%

 

ด้านนักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่น่าแปลกใจ แต่ไม่น่าประหลาดใจ เพราะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา คือนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ซักเคอร์เบิร์กได้พูดถึงการมุ่งหน้าสู่ Metaverse มาแล้วหลายครั้ง ตลอดจนเดินหน้าลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี VR และ AR อย่างมาก โดยได้เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น หูฟัง Oculus VR ออกมา พร้อมกับเร่งออกแบบอุปกรณ์แว่นตา และสายรัดข้อมือ AR อย่างต่อเนื่อง 

 

พร้อมกันนี้ซักเคอร์เบิร์กย้ำว่า นอกจากจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีแล้ว การสร้าง Metaverse จะมุ่งสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่ไปด้วย โดยระบุว่าความรับผิดชอบตั้งแต่แรกเริ่มเป็นบทเรียนสำคัญที่ตนเองได้เรียนรู้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

 

ด้านนักวิเคราะห์บางรายแสดงความเห็นว่า การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้อาจเป็นหนึ่งในความพยายามของ Facebook ในการ ‘เบี่ยงประเด็น’ จากเหตุอื้อฉาวกรณี Facebook Papers ซึ่งเป็นรายงานหลายพันหน้าเกี่ยวกับการทำธุรกิจของสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ ที่แสดงถึงความขัดแย้งในบริษัทและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน Facebook ซึ่งมีผู้ใช้ราว 3,000 ล้านคนทั่วโลก บวกกับกรณีอื้อฉาวที่ ฟรานเซส เฮาเกน อดีตพนักงาน Facebook ออกมาเปิดเผยว่า Facebook เพิกเฉยหรือลดความสำคัญของคำเตือนเรื่องผลกระทบทางลบจากสื่อสังคมออนไลน์นี้ต่อกลุ่มคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นหญิง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

  • มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เตรียม ‘รีแบรนด์’ Facebook ด้วย ‘ชื่อบริษัทใหม่’ หวังสะท้อนทิศทางการเป็น Metaverse / https://thestandard.co/mark-zuckerberg-facebook-rebrand/
  • Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทแล้วจะรอดจากวิกฤตไหม? มาดูกรณีศึกษาจาก Google, Apple, KFC และบริษัทชื่อดังอีก 4 บริษัท / https://thestandard.co/facebook-rebrand/ 

 

อ้างอิง :

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising