×

คาดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาวนานถึง 18 เดือน สอวช. หารือร่วมกับกูรู เร่งหามาตรการฟื้นเศรษฐกิจ

โดย THE STANDARD TEAM
10.04.2020
  • LOADING...

เพื่อหารือ Scenario Planning: มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิระดับแนวหน้าของประเทศไทยจากหลายภาคส่วน ร่วมประชุมนัดแรกผ่านระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อหามาตรการฟื้นตัวของประเทศโดยเร็วที่สุด ตลอดจนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมให้มีความเข้มแข็ง เพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตในอนาคต

 

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. เปิดเผยว่า เวลานี้เป็นช่วงที่ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ประเทศผ่านวิกฤตจากการระบาดของโควิด-19 ไปให้ได้ ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่หาแนวทางควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในมิติเดียวเท่านั้น แต่ต้องมองถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวด้วย

 

หัวข้อในการหารือครั้งนี้ ได้ยกมิติด้านสาธารณสุข ว่าอะไรคือปัจจัยที่จะหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการเตรียมความสามารถในการรองรับการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ หรืออุบัติซ้ำในอนาคต มิติการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ได้มีการหารือและวิเคราะห์มาตรการที่ภาครัฐออกมาช่วยเหลือในเบื้องต้น ว่าเพียงพอและดูแลได้อย่างทั่วถึงหรือไม่ และจะสามารถช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจให้หลุดพ้นช่วงวิกฤต ตลอดจนการเตรียมพร้อมเพื่อ Take-off เมื่อพ้นช่วงวิกฤตอย่างไร 

 

ในส่วนของ มิติด้านการศึกษาและการเรียนรู้ ที่ต้องมีระบบดิจิทัลรองรับ สามารถเรียนรู้ได้ตลอดช่วงอายุ เข้าถึงทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ราคาจับต้องได้ แต่ต้องมีคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงมิติการเตรียมความพร้อมเศรษฐกิจและสังคมสู่ความปกติแบบใหม่ หรือ New Normal คือ หาแนวทางรับมือกับเรื่องที่เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ในสังคม สิ่งเหล่านี้ได้มีการหารือและวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการฟื้นฟู ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะมีส่วนช่วยได้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนในหลายประเด็นกันอย่างกว้างขวาง ที่น่าสนใจคือ เชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยาวนานถึง 18 เดือน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อมีการเปิดประเทศ คือหลังวันที่ 30 เมษายน จะมีมาตรการอะไรมารองรับเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดอีกระลอก ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่า องค์ความรู้ในด้าน อววน. จะมีส่วนช่วยได้มาก เพราะทุกมาตรการต้องมีหลักฐานทางวิชาการรองรับ เช่น ด้านขนส่งสาธารณะ ที่มีการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากจะมีมาตรการอย่างไร และภาคขนส่งสาธารณะใดจะเปิดบริการได้ก่อน

 

นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้มีการควบคุมยานพาหนะแต่ละประเภท โดยสารอย่างไรจึงจะปลอดภัย เช่น รถตู้โดยสารสามารถรับคนได้เพียง 1 ใน 3 เพื่อลดความหนาแน่น ส่วนแท็กซี่ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทดีกว่าปิดหน้าต่าง หรือไม่อย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความรู้ด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ภาคการอุดมศึกษาในภาควิชาที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยพิสูจน์ เพื่อกำหนดเป็นมาตรการ 

 

สำหรับด้านเศรษฐกิจ ที่ประชุมเห็นว่า ควรมีการพิจารณาถึงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศจากเดิมไปสู่โครงสร้างแบบใหม่ โดยต้องทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ผ่านการหาภาคส่วนที่มีศักยภาพมาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ภาคส่วนที่มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศได้มีทั้งภาคการเกษตร-ปศุสัตว์ อาหาร ที่ต้องนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 

 

ภาคส่วนการท่องเที่ยวที่ต้องเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ และสามารถกระจายการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องมองถึงเรื่องการสร้างงานในชนบทรองรับคนกลับภูมิลำเนา และการสร้างงานเพื่ออนาคต ซึ่งในเรื่องนี้ สอวช. อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจความต้องการกำลังคนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อนำมาจัดทำ Manpower Planning ของประเทศ เพื่อให้สามารถผลิตกำลังคนได้ตรงตามความต้องการ 

 

ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นในด้านการศึกษา โดยมองว่าทุกมหาวิทยาลัยปรับตัวได้ดีกับการเรียนออนไลน์ และรัฐบาลก็ช่วยสนับสนุนเครื่องมือและโครงสร้างเครือข่ายต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ในส่วนหลักสูตรที่ต้องมีการเข้าแล็บ ต้องหาแนวทางการบริหารจัดการดูว่าจะมีแนวทางอย่างไร เช่นเดียวกับการเรียนออนไลน์ของเด็กประถมฯ ที่ต้องหาสื่อที่เหมาะสมกับช่วงวัย และผู้ปกครองเองก็ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีเหล่านี้ควบคู่ไปพร้อมกับเด็กด้วย 

 

ดร.กิติพงค์ กล่าวในตอนท้ายว่า ความเห็นจากการหารือครั้งนี้ สอวช. จะรวบรวมเพื่อนำไปกำหนดเป็นมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่เป็นผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 และนำเสนอที่ประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาอีกครั้งในโอกาสต่อไป ดร.กิติพงค์ ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ สอวช. ยังได้ทำการศึกษาผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจ ตามแนวคิดของ McKinsey & Company ว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะมีความรุนแรงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของมาตรการทางสาธารณสุขในการควบคุมการแพร่ระบาด และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน กับระยะเวลาและความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ตามมาตรการทางด้านเศรษฐกิจของภาครัฐ ในการป้องกันวิกฤตทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น และการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจหลังพ้นระยะเวลาการระบาด 

 

ทั้งนี้ ภาพผลกระทบทางเศรษฐกิจที่หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยคาดหวังในสถานการณ์เช่นนี้ คือ การที่ประเทศสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และประเทศมีมาตรการเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูง โดยนโยบายที่ออกมาต้องสามารถปกป้องโครงสร้างทางเศรษฐกิจไว้ได้ การเติบโตทางเศรษฐกิจหลังการระบาดสามารถกลับมาสู่ภาวะปกติเหมือนก่อนการระบาดได้ไว ซึ่งขณะนี้ จากการประเมินประเทศไทยเผชิญอยู่กับการที่การแพร่ระบาดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ และด้านเศรษฐกิจสามารถจัดการได้บางส่วน ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว และกลับสู่ภาวะปกติในระยะต่อไป

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising