สเปนต้องออกแรงถึง 120 นาทีในการเอาชนะโครเอเชีย 5-3 ทีมรองแชมป์โลกหลังโดนไล่ตีเสมอในช่วงก่อนหมดเวลา 3-3 แบบสุดมัน
ฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามพาร์เคน สเตเดียม ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เป็นการพบกันของ โครเอเชีย ทีมอันดับ 2 กลุ่ม D พบกับ สเปน อันดับที่ 2 ของกลุ่ม E โดยเริ่มเกมมาได้ 20 นาที โครเอเชียก็ขึ้นนำก่อนอย่างไม่มีใครคาดหมาย เมื่อ เปดรี จ่ายบอลคืนหลังให้ อูไน ซิมอน แต่นายทวาร แอธเลติก บิลเบา จับบอลพลาดบอลปลิ้นเข้าประตูตัวเองให้ ‘โครแอต’ นำก่อน แต่นาที 38 ปาโบล ซาราเบีย ก็มาทำตีเสมอให้สเปน ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1
ครึ่งหลังมีอีกถึง 4 ประตู โดยสเปนพลิกสถานการณ์ขึ้นนำจากลูกโหม่งของ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา ก่อนที่จะมาทิ้งห่างจากการหลุดไปยิงของ เฟร์ราน ตอร์เรส ทว่าท้ายเกมโครเอเชียมาทำ 2 ประตูรวดตีเสมอจาก มิสลาฟ ออร์ซิช นาที 85 และลูกโหม่งของ มาริโอ ปาซาลิช ทำให้เกมกลับมาเสมอกัน 2-2 เมื่อครบ 90 นาที และต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกครึ่งละ 15 นาทีเพื่อตัดสิน
นาทีที่ 100 หลังต่อเวลาออกไปได้ 10 นาที สเปนก็มาขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ ดานี โอลโม โยนบอลไปให้ อัลบาโร โมราตา ในเขตโทษก่อนจับบอลและยิงด้วยซ้ายเสยคานเข้าไปให้ทีมนำอีกครั้ง ก่อนที่นาที 104 โอลโมคนเดิมจะมาครอสให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล หลุดไปยิงเป็นประตูนำ 5-3 เมื่อจบครึ่งแรกของการต่อเวลา
ในครึ่งหลังของการต่อเวลา ช่วงแรกโครเอเชียพยายามบุกเพื่อลุ้นตีเสมอแต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ก่อนที่สเปนจะเป็นฝ่ายครองเกมในช่วงท้ายและพยายามยิงประตูที่ 6 แต่ก็ไม่ได้เช่นกัน ทำให้เมื่อจบ 120 นาที สเปนเอาชนะโครเอเชียไปด้วยสกอร์ 5-3
สเปนเป็นทีมแรกที่ยิง 5 ประตูได้ 2 นัดติด เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ โดยทำผลงานดีกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนที่ต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะเข้ารอบไปพบกับผู้ชนะระหว่าง ฝรั่งเศส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่จะแข่งขันกันในคู่ถัดไป
MAN OF THE MATCH: เฟร์ราน ตอร์เรส (สเปน)
