×

EURO 2020: สเปนจะมาร่างไหนในการเจอโครเอเชีย

โดย THE STANDARD TEAM
28.06.2021
  • LOADING...
EURO 2020: สเปนจะมาร่างไหนในการเจอโครเอเชีย

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • แม้สเปนจะเอาชนะสโลวะเกียด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นก่อนผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์มาได้ในที่สุด แต่ฟอร์มโดยรวม 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มกลับไม่ได้น่าประทับใจ
  • โครเอเชียต้องสูญเสีย อีวาน เปริซิช ผู้เล่นคนสำคัญไปจากการติดโควิด ทำให้ไม่สามารถลงสนามพบกับสเปนได้ในเกมนี้
  • แม้จะมีสถิติการเจอกันที่เหนือกว่าใน 6 เกมหลังชนิดที่ไม่แพ้ต่อสวิตเซอร์แลนด์เลย แต่ฝรั่งเศสก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนักเตะก่อนเกมไม่น้อยเช่นกัน
  • สวิตเซอร์แลนด์เคยมาไกลที่สุดในฟุตบอลยูโรได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อ 5 ปีก่อนที่ฝรั่งเศส และคราวนี้พวกเขาหวังจะไปให้ไกลกว่านั้น

การแข่งขันคู่ที่ 5 และ 6 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูโรค่ำคืนนี้ เป็นเกม 2 คู่ในสายบน ซึ่งหลังจากจบทั้ง 2 แมตช์แล้วเราก็จะได้รู้ในทันทีว่า 4 ทีมในสายบนจะเหลือใครบ้าง ก่อนที่อีก 2 คู่ในสายล่างจะแข่งขันในวันพรุ่งนี้

 

โดยสำหรับวันนี้การแข่งขันในคู่ 5 ทุ่ม โครเอเชียจะพบกับสเปนที่สนามปาร์เกน อารีนา ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก่อนที่ฝรั่งเศสจะพบกับสวิตเซอร์แลนด์ที่สนามกีฬาแห่งชาติในกรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย

 

สเปนโชว์ฟอร์มหรูในเกมถล่มสโลวะเกีย 5-0

 

สเปนจะมาในฟอร์มไหนในการเจอกับโครเอเชีย

 

แม้สเปนจะเอาชนะสโลวะเกียด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นก่อนผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์มาได้ในที่สุด แต่นั่นเป็นฟอร์มที่น่าประทับใจเพียงแค่นัดเดียวของพวกเขา ซึ่งหากเทียบกับทีมอย่างอิตาลีหรือเบลเยียม ที่ทำผลงานได้น่าประทับใจในทุกนัดที่ลงสนาม ทั้งที่เป็นทีมในระดับลุ้นแชมป์​เหมือนกันแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สเปนจะต้องเจอกับเครื่องหมายคำถามก่อนเกมที่จะพบกับโครเอเชีย

 

หากมองในแง่ดีฟอร์มในเกมกับสโลวะเกียอาจจะเป็นของจริง และช่วยจุดประกายให้สเปนกลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามอีกครั้งหลังโมเมนตัมเหวี่ยงมาหาพวกเขาอย่างเต็มที่จากชัยชนะในเกมดังกล่าว แต่ในทางกลับกัน ชัยชนะเหนือสโลวะเกียอาจจะเป็นไปเพราะจังหวะเกมก็ได้ แถมการได้ประตูแรกก็มาจากความผิดพลาดของ มาร์ติน ดูบราฟกา ผู้รักษาประตูทีมคู่แข่งที่ทำประตูตัวเอง ทำให้คู่แข่งสโลวักต้องบุกเพื่อทวงประตูคืนจนนำมาซึ่งประตูต่อๆ ไปของสเปนก็ได้

 

ดังนั้นในเกมกับโครเอเชียถึงน่าสนใจอย่างยิ่งว่าสเปนจะออกสตาร์ทเกมนี้อย่างไร เพราะคู่แข่งอย่างโครเอเชียแม้จะไม่ได้มีฟอร์มที่เพอร์เฟกต์ แต่ฟอร์ม 3 นักเตะของพวกเขาก็ไม่ได้แกว่งอย่างรุนแรงอย่างที่สเปนเป็น กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นเกมที่แพ้อังกฤษหรือชนะสกอตแลนด์ พวกเขาก็ไม่ได้เล่นต่างกันมากนัก และยิ่งน่าคิดอีกว่า ทีมเด็กของสเปนชุดนี้ หากเจาะประตูโครเอเชียไม่เข้าในช่วงต้นเกมไปถึงกลางเกมแล้ว ในช่วงท้ายๆ เกมพวกเขาจะแกว่งกันเองหรือเปล่า เพราะอย่าลืมว่าทีม ‘โครแอต’ ชุดนี้เก๋ากันแค่ไหน

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสเปนมาในฟอร์มอันน่าประทับใจแบบเดียวกับที่พวกเขาเอาชนะสโลวะเกีย งานหนักก็ย่อมจะตกมาที่ฝั่งของโครเอเชียอย่างยากจะปฏิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสเปนมีสภาพทีมที่พร้อมสมบูรณ์และไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บ ทว่าฝั่งโครเอเชียกลับต้องไม่มี อีวาน เปริซิช ผู้เล่นคนสำคัญที่ตรวจพบกว่าติดโควิด ทำให้ไม่สามารถลงสนามพบกับสเปนได้ในเกมนี้ แถมทางด้าน บอร์นา บาริซิช ก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับไปประจำการในตำแหน่งแบ็กซ้ายได้ด้วยหรือเปล่า

 

ที่น่าสนใจคือทั้งสองชาติมีสถิติการเจอกันที่ค่อนข้างสูสี โดยใน 6 นัดหลังสุด สเปนชนะไปได้ 3 นัด ขณะที่โครเอเชียชนะ 2 นัด และเสมอกัน 1 นัด โดยทั้งคู่ต่างตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูโรเมื่อ 5 ปีก่อนที่ฝรั่งเศส โดยสเปนพ่ายให้กับอิตาลี ส่วนโครเอเชียพ่ายต่อโปรตุเกส ดังนั้นเกมนี้ถ้าใครเอาชนะและผ่านไปก็จะมีผลงานที่ดีกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นอย่างน้อยแน่นอน

 

การเสมอกับโปรตุเกสในเกมสุดท้ายของกลุ่ม F ทำให้ฝรั่งเศสมาพบกับสวิตเซอร์แลนด์

 

ฝรั่งเศสที่ไม่เต็มร้อย ต้องรับมือกับสวิสที่ฟิตเกินร้อย

 

ทัพ ‘เลส์ เบลอส์’ ยังหวังที่จะเป็นชาติต่อจากสเปนที่คว้าแชมป์โลก แล้วต่อด้วยแชมป์ยูโรได้ พวกเขาโชคดีที่ไม่แพ้โปรตุเกสในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้รักษาอันดับ 1 ในกลุ่ม F ไว้ได้ และได้มาเจอทีมที่ 3 กลุ่ม A อย่างสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเบากว่าทีมร่วมกลุ่มทั้งโปรตุเกสที่ต้องเจอกับเบลเยียม และเยอรมนีที่ต้องเจอกับอังกฤษ ทำให้ภารกิจในการไล่ล่าแชมป์ของพวกเขายังอยู่ในการควบคุมอยู่

 

การเจอกับสวิตเซอร์แลนด์ค่อนข้างจะเข้าทางฝรั่งเศสมากกว่า เพราะใน 6 นัดหลังสุดที่ทั้งสองชาติเจอกัน ทีมจากแดนนาฬิกาไม่สามารถเอาชัยเหนือทัพ ‘ตราไก่’ ได้เลยแม้แต่เกมเดียว และเป็นฝ่ายฝรั่งเศสเอาชนะไปได้ 2 นัด เสมอกันอีก 4 นัด โดยเกมล่าสุดที่เจอกันคือในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลยูโร 2016 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งผลจบลงด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0

 

อย่างไรก็ตาม แม้ไม่เคยแพ้ แต่การที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจในวงการฟุตบอลและมีขุมกำลังที่เข้มแข็งมาตลอด ต้องมาเสมอกับสวิสถึง 4 จาก 6 นัดก็บ่งบอกว่า การเจอกับชาติชาตินี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน แถมในตอนนี้ขุมกำลังของพวกเขาก็ดูจะเป็นรองกว่าทีมคู่แข่งที่ไม่มีนักเตะบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนเลยแม้แต่คนเดียวด้วย เพราะทางลูกทีมของ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในทีมไม่น้อยเลย

 

ลูกาส์ ดีญ กับ อุสมาน เดมเบเล เป็นสองนักเตะที่ ‘เดเด้’ ยืนยันแล้วว่าลงสนามไม่ได้แน่นอน โดยนักเตะจากเอฟเวอร์ตันบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา แม้อาจจะกลับมาได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่เบื้องต้นก็ยืนยันว่าจะไม่มีส่วนในเกมนี้แน่นอน ขณะที่แนวรุกจากบาร์เซโลนาบาดเจ็บหัวเข่าและเข้ารับการผ่าตัดแล้ว นั่นหมายความว่านักเตะจะไม่ได้ลงเล่นในเกมที่เหลือของทัวร์นาเมนต์นี้แน่นอนแล้ว ส่วน อาเดรียง ราบิโอต์, ลูกัส แอร์กน็องเดซ, มาร์คัส ตูราม และ โตมาส์ เลอมาร์ ทั้งหมดนี้ก็ยังต้องรอทดสอบความฟิตก่อนลงสนามกันอีกที

 

แม้จะมีนักเตะบาดเจ็บเยอะกว่ามา แต่ฝรั่งเศสยังถูกยกให้เป็นฝ่ายที่เหนือกว่า เพราะในแนวรุกทั้ง อองตวน กรีซมันน์, คาริม เบนเซมา และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยังพร้อมล่าตาข่ายคู่แข่ง และเมื่อพิจารณาถึงฟอร์มใน 3 นัดของรอบแบ่งกลุ่มแล้ว ฝรั่งเศสก็ดูดีกว่าสวิตเซอร์แลนด์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทีมใหญ่จะเป็นฝ่ายเก็บชัยได้และเข้ารอบเสมอไป ไม่เชื่อลองไปถามคู่เนเธอร์แลนด์กับสาธารณรัฐเช็กดูก็ได้!!

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising