×

EURO 2020 ROUND UP: ทีมใหญ่ไม่พลาดการคว้าชัยในค่ำคืนที่ 3 ของศึกยูโร 2020

โดย THE STANDARD TEAM
14.06.2021
  • LOADING...
EURO 2020 ROUND UP

HIGHLIGHTS

  • อังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชน ไม่พลาดการเก็บชัยต่อหน้าแฟนบอลในสนามเวมบลีย์ แม้คู่แข่งจะมีดีกรีเป็นถึงรองแชมป์โลกอย่างโครเอเชีย
  • เนเธอร์แลนด์ ต้องออกแรงก๊อกสองในช่วงท้ายเกมเพื่อเอาชนะยูเครน ซึ่งเป็นการเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014
  • ออสเตรียคว้าชัยชนะเหนือทีมน้องใหม่อย่างนอร์ทมาซิโดเนียตามคาด แม้จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น พร้อมกับขึ้นนำกลุ่ม C
  • ยังมีกำลังใจมากมายถูกส่งไปถึง คริสเตียน อีริกเซน หลังจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในเกมที่ฟินแลนด์เอาชนะเดนมาร์ก

ค่ำคืนที่ 3 ของฟุตบอลยูโร 2020 จบลงอย่างราบรื่นและไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเหมือนค่ำคืนก่อนหน้า ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในค่ำคืนที่ผ่านมายักษ์หลับในยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ รวมถึงทีมขวัญใจมหาชนอย่างอังกฤษก็ต่างมีคิวลงสนาม ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

 

EURO 2020 ROUND UP

คาลวิน ฟิลลิปส์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง สองนักเตะที่เด่นที่สุดในค่ำคืนที่ผ่านมา

 

อังกฤษบรรลุภารกิจพิชิตชัยใน ‘เวมบลีย์’

 

‘สิงโตคำราม’ เป็นชาติขาประจำในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป แต่ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนหน้าเกมนี้ 9 นัด พวกเขาไม่เคยที่จะเก็บชัยชนะได้ในนัดเปิดสนาม จนมาในปีนี้ที่พวกเขาได้เล่นในเวมบลีย์ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง เป้าหมายในเกมนี้คือการเก็บ 3 คะแนนเต็มอย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นหมายถึงการจะได้ล้างตาจากความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกที่รัสเซียต่อโครเอเชียเมื่อ 3 ปีก่อนด้วย

 

อังกฤษที่ลงสนามเป็นคู่แรกของวัน ทำผลงานได้ดีภายใต้ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่ภายหลังถูกยกย่องให้เป็น ‘อันเดรีย ปีร์โล แห่งยอร์กเชียร์’ ช่วยสร้างโอกาสให้อังกฤษทำประตูชัยได้ในนาทีที่ 57 จากการจ่ายบอลอันสมบูรณ์แบบให้ ราฮีม สเตอร์ลิง จบสกอร์อย่างเด็ดขาดกลายเป็นประตูชัยในเกมนี้

 

สเตอร์ลิงที่ฤดูกาลนี้ฟอร์มดูดรอปลงไปกับการรับใช้ต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอบแทนความไว้วางใจซึ่งได้รับจาก แกเร็ธ เซาท์เกต ในการให้ลงเป็นตัวจริงแม้ว่าก่อนเกมจะมีกระแสสนับสนุนให้ แจ็ค กรีลิช เพลย์เมกเกอร์จากแอสตัน วิลลา ลงสนามมากกว่าก็ตาม แต่สเตอร์ลิงก็สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูสำคัญและพาอังกฤษเก็บ 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จพร้อมกับล้างอาถรรพ์การลงสนามเกมแรกในฟุตบอลยูโรแบบไร้ชัยของทัพ ‘สิงโตคำราม’ ลงได้สำเร็จ

 

จอร์แดน พิกฟอร์ด ผู้รักษาประตูของอังกฤษ แทบไม่ได้ทำอะไรมากในเกมนี้ เพราะทั้งเกมเขาออกแรงเซฟไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะรูปเกมที่ค่อนข้างน่าอึดอัดจากการที่ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างค่อนข้างรัดกุม และมีการตัดฟาวล์กันเป็นระยะรวมทั้งเกมถึง 19 ครั้ง ทำให้ทั้งสองทีมไม่ค่อยมีจังหวะต่อเนื่อง

 

ขณะที่ แกเร็ธ เซาท์เกต กุนซือของอังกฤษ ออกมาแสดงความพอใจที่ลูกทีมเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความกดดันที่พวกเขาได้รับจะค่อยๆ ลดลงด้วย

 

“เกมนี้ผมพอใจกับฟอร์มการเล่นมากที่สุด แน่นอนว่าชัยชนะนั้นสำคัญเช่นกัน” ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษกล่าวกับ BBC “การชนะเกมแรกช่วยลดแรงกดดันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราผ่านเข้ารอบไปแล้ว นั่นต่างหากที่เป็นเป้าหมายแรกที่เราต้องทำ”

 

EURO 2020 ROUND UP

เนเธอร์แลนด์ได้ชัยชนะที่พวกเขารอคอยมากว่า 2,500 วัน!

 

เนเธอร์แลนด์เฉือนชัยสุดมันเหนือยูเครนในเมืองหลวงของตัวเอง

 

ครั้งสุดท้ายที่เนเธอร์แลนด์ได้เล่นในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ต้องย้อนไปในปี 2014 ดังนั้นในเกมนี้ที่พวกเขาได้ลงสนามต่อหน้าแฟนบอลกว่า 16,000 ชีวิตใน โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา ชัยชนะจึงเป็นสิ่งเดียวที่ทีมต้องการ ทว่า ‘อัศวินสีส้ม’ ก็ไม่ได้สิ่งนั้นมาอย่างง่ายดายแต่อย่างใด เพราะแม้จะบุกตั้งแต่ต้นเกมก็ไม่สามารถเจาะประตูทีมผู้มาเยือนได้ แถมยังโดนโต้กลับแบบมีเสียวอยู่หลายครั้ง ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกแบบไร้สกอร์

 

แต่ในครึ่งหลังกลับมีประตูถึง 5 ลูก โดยทางเนเธอร์แลนด์นำไปก่อน 2 สกอร์จากการยิงของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม นาทีที่ 52 ตามด้วย วูท เว็กฮอร์สต์ ส่องจ่อๆ ในนาทีที่ 59 ทว่ายูเครนก็ตีเสมอได้ด้วยการเอาคืนทีเดียว 2 ประตู จากลูกยิงสุดสวยของ อังเดร ยาร์โมเลนโก นาที 75 และจังหวะโหม่งของ โรมัน ยาเล็มชุก นาที 79 จนเกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ เดนเซล ดุมฟรีส์ ปีกจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ที่เล่นได้โดดเด่นในเกมนี้ก็มาโหม่งประตูชัยให้ทีมของแฟรงก์ เดอ บัวร์ เอาชนะในเกมนี้ไปได้ 3-2

 

เนเธอร์แลนด์ที่เกมนี้ครองบอลมากกว่าอย่างชัดเจนถึง 66% เก็บ 3 คะแนนเต็มขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม C โดยมี 3 คะแนนเท่ากับออสเตรีย แต่ประตูได้เสียตามหลังอยู่ 1 ประตู ส่วนยูเครนถึงยังไม่มีคะแนน แต่ก็รั้งอันดับที่ 3 เนื่องจากประตูได้เสียดีกว่านอร์ทมาซิโดเนีย เช่นกัน

 

ขณะที่แฟรงก์ เดอ บัวร์ พอใจกับฟอร์มการเล่นของทัพ ‘อัศวินสีส้ม’ และยืนยันว่านี่คือทีมที่เขาต้องการจะให้เป็นพร้อมหวังจะปรับจูนทีมให้ดีกว่าเดิมหลังจากนี้

 

“นี่คือทีมที่ผมต้องการจะเห็นในภาพรวม แน่นอนว่าไม่ใช่การออกนำก่อน 2-0 แล้วถูกตีเสมอ แต่ผมเห็นทีมเล่นได้ในทิศทางที่สมดุลและโดดเด่นไปพร้อมๆ กัน ซึ่งนี้คือสิ่งที่ผมอยากเห็น” โค้ชของทัพเนเธอร์แลนด์อธิบาย “เราสามารถภูมิใจในเรื่องนั้นได้ และหวังว่าเราจะสามารถก้าวไปอีกขั้นได้เหมือนที่เราทำได้ในเกมนี้”

 

EURO 2020 ROUND UP

มิชาเอล เกรกอริตช์ ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำก่อนจะคว้าชัยไปได้ในที่สุด

 

ตัวสำรองคว้าชัยให้ออสเตรียเอาชนะนอร์ทมาซิโดเนีย พร้อมขึ้นนำกลุ่ม C

 

ออสเตรียเคยเข้าร่วมการแข่งขันในฟุตบอลยูโรมาก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง พวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด และไม่เคยเอาชนะคู่แข่งได้เลย โดยผลงาน 6 นัดในรอบสุดท้ายจบลงด้วยการเสมอ 1 และแพ้ 2 ดังนั้นการได้โคจรมาเจอกับทีมน้องใหม่ที่เข้ามาเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้เป็นครั้งแรกจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะจบสถิติอันเลวร้ายดังกล่าว

 

ทีม ‘นกกระจอกเทศ’ เริ่มต้นในเกมที่สนามกีฬาแห่งชาติ เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ได้อย่างงดงาม เมื่อ สเตฟาน ไลเนอร์ ที่กระโดดแปลูกเปิดของ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เข้าไปในนาทีที่ 18 แต่อีกเพียง 10 นาทีต่อมาจากความผิดพลาด เปิดโอกาสให้ โกรัน ปานเดฟ ยิงตีเสมอ 1-1 แต่ในช่วงท้ายของครึ่งหลัง สองตัวสำรองที่ถูกโค้ช ฟรังโก โฟดา ส่งลงมา ทั้ง มิชาเอล เกรกอริตช์ และ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ก็กลายเป็นฮีโรที่ช่วยกันยิงคนละประตูในนาทีที่ 79 และ 89 ตามลำดับ ทำให้ออสเตรียเอาชนะไปได้ 3-1

 

ออสเตรียเก็บชัยชนะนัดแรกในฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายที่รอคอยได้สำเร็จ พวกเขายังขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงในกลุ่ม C ขณะที่นอร์ทมาซิโดเนียแม้จะแพ้ในเกมนี้แต่ก็ยังพอจะมีโอกาสในการเข้ารอบน็อกเอาต์อยู่ โดยหลังเกม ฟรังโก โฟดา ก็ออกมาแสดงความยินดีที่ทีมสามารถเก็บชัยชนะนัดแรกในฟุตบอลยูโรได้สักที

 

“เราสมควรที่จะชนะ และต้องแสดงความยินดีไปยังเด็กๆ ในทีมของผมด้วย ที่พวกเขาสามารถเขียนประวัติศาสตร์ได้ในวันนี้” โฟดากล่าว “โดยรวมแล้วผมพอใจมากๆ เราเริ่มต้นได้ดี และเราสมควรแล้วที่จะได้ประตูขึ้นนำ แต่เราไม่ได้มีสมาธิมากพอเราจึงเสียประตูตีเสมอ ในครึ่งหลังเราได้คุยกันสองสามอย่าง (ในช่วงพักครึ่ง) คือการเล่นให้เร็วขึ้น และออกบอลไปที่ปีกให้มากขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นตัวสำรองก็แสดงผลสัมฤทธิ์ออกมา”

 

 

EURO 2020 ROUND UP

สนามเวมบลีย์ขึ้นข้อความให้กำลังใจไปถึง คริสเตียน อีริกเซน

 

กำลังใจยังหลั่งไหลให้ ‘อีริกเซน’ อย่างท่วมท้น

 

สำหรับยูโรคืนที่ผ่านมาก็มีอีกอย่างที่เป็นเรื่องราวที่น่ารัก นั่นคือกำลังใจที่ถูกส่งมอบไปยัง คริสเตียน อีริกเซน ที่เกิดเหตุไม่คาดฝันในค่ำคืนก่อนหน้านี้ โดยทั้งแฟนบอลและนักเตะต่างออกมาส่งกำลังใจ และหวังให้ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งในเร็ววัน

 

เริ่มจากเกมแรกที่อังกฤษพบกับโครเอเชีย ทางสนามเวมบลีย์ก็มีการขึ้นข้อความ ‘Best Wishes Christian’ เพื่อส่งข้อความไปถึงเจ้าตัว ขณะที่แฟนบอลอังกฤษในสนามหลายคนก็ชูป้าย หรือชูเสื้อของอีริกเซน เพื่อแสดงถึงความปรารถนาดีและความห่วงใยที่ต้องส่งไปยังนักเตะ

 

ขณะที่คู่ต่อมาในเกมระหว่างออสเตรียพบนอร์ทมาซิโดเนีย นอกจากแฟนบอลในสนามจะแสดงออกไม่ต่างกันแล้ว ทุกครั้งที่นักเตะออสเตรียทำประตูได้พวกเขาจะวิ่งไปยังม้านั่งสำรอง พร้อมกับเอาเสื้อที่มีข้อความว่า ‘Eriksen Stay Strong’ ซึ่งถูกเขียนด้วยปากกามาร์กเกอร์มาแสดง เพื่อต้องการให้กำลังใจเพื่อนร่วมอาชีพที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วย

 

และในเกมที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา ในอัมสเตอร์ดัม ก็มีแฟนบอลจำนวนมากที่แสดงออกถึงความห่วงใย โดยมีกลุ่มหนึ่งที่ทำข้อความ ‘Stay Strong Eriksen’ ลงบนธงชาติของพวกเขา และแสดงออกผ่านกล้องถ่ายทอดสดระหว่างการแข่งขัน โดยทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากคนในโลกอีกจำนวนมากที่พยายามส่งความปรารถนาดีไปสู่ คริสเตียน อีริกเซน และเราหวังอย่างยิ่งว่าเขาจะหายดี และกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน

 

เกร็ดน่าสนใจ

  • ไทโรน มิงส์ กลายเป็นนักเตะแอสตัน วิลลา คนแรกที่เป็นตัวจริงให้กับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลยูโรนับตั้งแต่ปี 1996 โดยผู้เล่น ‘สิงห์ผยอง’ คนสุดท้ายที่ได้โอกาสนี้คือตัวของ แกเร็ธ เซาท์เกต เองในยูโร 1996 เกมพบกับเยอรมนี
  • คาลวิน ฟิลลิปส์ เป็นผู้เล่นคนเดียวในครึ่งแรกของเกมที่อังกฤษพบกับ โครเอเชีย ที่ผ่านบอลสำเร็จ 100% เต็ม (18 ครั้ง)
  • จูด เบลลิงแฮม กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่ลงสนามให้อังกฤษในฟุตบอลยูโร ด้วยวัย 17 ปี 349 วัน
  • อังกฤษชนะตลอด 11 นัดหลังที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำประตูให้ทีมชาติได้
  • โกรัน ปานเดฟ กลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดอันดับที่ 2 ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลยูโร ด้วยวัย 37 ปี 321 วัน โดยเจ้าของสถิติสูงสุดคือ อิวิกา วาสติก จากออสเตรีย ทำประตูในเกมพบโปแลนด์เมื่อปี 2008 ด้วยวัย 38 ปี 357 วัน
  • มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก คือนักเตะอายุมากที่สุดที่ลงสนามให้เนเธอร์แลนด์ ในฟุตบอลยูโร ด้วยวัย 38 ปี 264 วัน 
  • ประตูของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กลายเป็นประตูแรกในรอบ 2,528 วันของ เนเธอร์แลนด์ ที่ยิงได้ทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์
  • หลังจากยิงไป 72 ครั้งในฟุตบอลยูโรแต่ไม่เป็นประตูเลย ยูเครนกลับมาได้ประตู 2 ประตูจากโอกาส 2 ครั้งติด ที่มีระยะเวลาห่างกันแค่ 246 วินาที
  • การทำ 5 ประตูในครึ่งหลังของเกมที่เนเธอร์แลนด์เอาชนะยูเครน 3-2 กลายเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลยูโรมีการทำประตูกันขนาดนี้ในครึ่งหลัง ทั้งที่ครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising