×

EURO 2020: เปิดฉาก Group of Death ของ 3 ยักษ์ใหญ่ และ 1 ตัวแปรสำคัญ

โดย THE STANDARD TEAM
15.06.2021
  • LOADING...
EURO 2020: เปิดฉาก Group of Death ของ 3 ยักษ์ใหญ่ และ 1 ตัวแปรสำคัญ

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • ฝรั่งเศสต้องรับมือกับแรงกดดันจากการเป็นตัวเต็งและปัญหาภายในทีม ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของทีมไม่มากก็น้อย
  • แม้เยอรมนีจะได้เล่นในเมืองมิวนิก บ้านของพวกเขา แต่การเจอฝรั่งเศส 6 ครั้งหลังสุด อินทรีเหล็กชนะได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
  • เชา คันเซโล เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 แต่ถึงอย่างนั้นโปรตุเกสก็ยังดูดีกว่าฮังการี ก่อนเกมที่ทั้งคู่จะเจอกัน
  • ฮังการีดูเป็นลูกไล่ในกลุ่มนี้มากที่สุด แต่พวกเขาจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดว่าทีมไหนจะจบอันดับที่เท่าไร โดยเฉพาะในกรณีที่พวกเขาไม่ได้แจกแต้มให้กับทุกทีมที่เจอกัน

ฟุตบอลยูโร 2016 เดินทางมาถึงค่ำคืนที่ 5 ในค่ำคืนนี้จะมีเกมเพียง 2 คู่ ซึ่งจะเป็นเกมจากกลุ่มซึ่งใครหลายคนรอคอย เพราะเป็น Group of Death ที่รวมเอาทีมชั้นนำอย่างฝรั่งเศส แชมป์โลก 2018, โปรตุเกส แชมป์เก่าเมื่อ 5 ปีก่อน และเยอรมนี แชมป์ฟุตบอลรายการนี้ 3 สมัย โดยมีชาติที่เคยยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอย่างฮังการี เป็นตัวแปรสำคัญในกลุ่มนี้

 

 

 

ทีมชาติฝรั่งเศสลงซ้อมที่สนามฟุตบอลอารีนา มิวนิก 

 

เบนซ์และกรีซมันน์หายทัน ‘ซดเบียร์’

ฝรั่งเศสต้องเจอกับดราม่าและแรงกดดันอย่างหนักก่อนเกมนี้ และการที่นักเตะอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ออกมาแสดงความไม่พอใจใส่กันไปมาผ่านสื่อ ก็ยิ่งถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับทีมชุดนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและป้องกันสปิริตทีมพังครืนลงมา การไม่ใช้ทั้งคู่ลงสนามเล่นด้วยกันน่าจะเป็นเรื่องดีกว่า และการกลับมาของ คาริม เบนเซมา ก็ทำให้แนวคิดนั้นเป็นไปได้มาทันที

 

คาริม เบนเซมา กับ อองตวน กรีซมันน์ ได้รับการยืนยันว่าฟิตพอลงสนามได้ทั้งคู่ นั่นจะทำให้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ยังไม่ต้องใช้งานชิรูด์ที่กำลังมีปัญหากับเอ็มบัปเป้อยู่ตอนนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลให้การเล่นในสนามไหลลื่นมากกว่าส่งกองหน้าเชลซีลงไปแน่นอน (เพราะตั้งแต่ที่ทั้งคู่ยังไม่มีดราม่าต่อกัน เอ็มบัปเป้ก็ไม่ค่อยจ่ายบอลให้ชิรูด์อยู่แล้ว) 

 

นอกจากแดนหน้า 3 ประสาน กรีซมันน์, เบนซ์ และเอ็มบัปเป้ จะลงประจำการแล้ว แผงกลางและแนวรับก็ไม่ขาดใครทั้ง ราฟาเอล วาราน, เพรสเนล คิมเปมเป้, ลูกาส์ แอร์กน็องเดซ และ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ก็พร้อมลงสนามทุกคน ขณะที่แดนกลางทั้ง เอ็นโกโล ก็องเต, โกร็องแต็ง โตลิสโซ และ พอล ป็อกบา ก็พร้อมลงสนามเช่นกัน

 

เกมนี้แม้จะได้สิทธิ์เป็นเจ้าบ้าน แต่ฝรั่งเศสก็ถือได้ว่าเป็น ‘เจ้าบ้านทิพย์’ อีกทีมหนึ่ง เพราะต้องไปเล่นในสนามฟุตบอลอารีนา มิวนิก หรือที่คุ้นหูกันในชื่ออลิอันซ์ อารีนา ในเวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

 

 

 

โยอาคิม เลิฟ จะคุมทีมชาติเยอรมนีในยูโรครั้งนี้เป็นรายการสุดท้าย

 

‘อินทรี’ ที่สถิติไม่ดีเวลาเจอ ‘ไก่’

การรับมือกับฝรั่งเศสในชั่วโมงนี้ไม่ใช่งานง่าย แม้แต่กับทีมแชมป์เก่า 3 สมัยอย่างเยอรมนีเองก็ตาม เพราะนอกจากการที่ทีมสภาพไม่สมบูรณ์และขาดนักเตะอย่าง โยนาส ฮอฟแมนน์ กับ เลออน โกเร็ตซ์กา ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้อาจจะต้องใช้งาน โทนี โครส กับ อิลคาย กุนโดกัน แทนแล้ว พวกเขายังอยู่ในฟอร์มที่แย่กว่าเมื่อเทียบกับรองแชมป์ยูโร 2016 และแชมป์โลกปี 2018 

 

นอกจากนี้ผลงานการพบกันที่ผ่านมาย้อนหลังกลับไป 5 เกมในทุกรายการ อินทรีเหล็กเอาชนะทัพตราไก่ไม่ได้เลยแม้แต่นัดเดียว โดยมีสถิติ เสมอ 2 และแพ้ไปถึง 3 เกม แต่ถ้าจะมองในแง่ดีก็พอจะมีสถิติมาสนับสนุนเยอรมนีอยู่บ้าง เพราะถ้านับแค่ 5 นัดหลัง เฉพาะในการแข่งขันรายการเมเจอร์ที่ทั้งคู่เจอกัน สถิติที่ออกมาค่อนข้างสูสี ด้วยการชนะฝั่งละ 2 นัด และเสมอกัน 1 นัด

 

อย่างไรก็ตาม ทีมของ โยอาคิม เลิฟ ต้องระวัง อองตวน กรีซมันน์ ไว้ให้มาก เพราะเขาคือนักเตะที่ชอบยิงทีมอินทรีเหล็กมากที่สุดในทีมฝรั่งเศสชุดนี้ โดยกองหน้าบาร์เซโลนายิงใส่เยอรมนีไปแล้ว 4 ประตู และเขายังเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูของ เลส์ เบลอส์ มากที่สุดของทีมชุดนี้ภายใต้การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างยูโรหรือฟุตบอลโลกด้วย โดยเขามีส่วนร่วมกับ 14 ประตูของทีมชาติฝรั่งเศส (ยิง 10 ประตู, แอสซิสต์ 4 ประตู) นับตั้งแต่ในยูโร 2016 ถึงฟุตบอลโลก 2018 

 

รายงานก่อนเกมระบุว่า เยอรมนีอาจจะเล่นแผนที่ใช้กองหลัง 3 คนในเกมนี้ โดยมีนักเตะอย่าง มัตส์ ฮุมเมิลส์, มาธิอัส กินเทอร์ และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ คอยประสานการร่วมกัน โจชัว คิมมิช น่าจะต้องถูกโยกไปเล่นปีกขวา ขณะที่ ไค ฮาเวิร์ตซ์, กับ โธมัส มุลเลอร์ ทำหน้าที่คอยสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง แซร์จ กนาบรี

 

โรนัลโดและเปเป กับโอกาสในการเล่นในฟุตบอลยูโรครั้งสุดท้าย

 

ฝอยทองต้อง 3 คะแนนเท่านั้น

ก่อนเกมนี้จะเริ่มต้น โปรตุเกสต้องเผชิญหน้ากับข่าวร้าย เมื่อ เชา คันเซโล ตรวจพบว่าติดโควิด-19 นั่นจะทำให้ตำแหน่งแบ็กขวาว่างลง ทำให้ แฟร์นานโด ซานโตส หัวโค้ชของทีม ตัดสินใจเรียกตัว ดิโอโก ดาโลต์ มาแทนที่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งน่าจะไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลหลังจากนี้ เพราะในตำแหน่งอื่นของทีมก็ไม่มีนักเตะเจ็บและสามารถลงสนามได้ทุกคนหากจำเป็น

 

รูเบน ดิอาส กลายเป็นหัวใจหลักของเกมรับโปรตุเกสไปแล้ว ซึ่งเขาอาจจะต้องยืนตำแหน่งกองหลังตัวกลางคู่กับ โชเซ ฟอนเต ขณะที่แดนกลาง คือจุดแข็งของทีมชุดนี้ เพราะมี บรูโน แฟร์นันด์ส ทำเกมร่วมกับ ดานิโล เปเรย์รา กับ ชูเอา มูตินโญ โดยในแดนหน้ายังต้องฝากให้ คริสเตียโน โรนัลโด ไล่ล่าตาข่าย โดยมี แบร์นาร์โด ซิลวา กับ ดิโอโก โชตา คอยให้การสนับสนุน

 

อย่างที่รู้ว่าการแข่งขันในกลุ่มนี้ค่อนข้างรุนแรง อันเป็นผลมาจากทีมชาติระดับหัวแถวมาอยู่ร่วมกลุ่มกันเอง ทำให้ 3 คะแนนจากเกมที่ไม่ได้เจอกันเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และโปรตุเกสที่เกมนี้จะได้พบกับฮังการี ก็หมายตา 3 คะแนนเต็มอย่างไม่ต้องสงสัย

 

มาร์โก รอสซี จะคุมทีมลงสนามต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในบูดาเปสต์

 

ฮังการีอาจไม่มีเซอร์ไพรส์ แต่ก็ไม่ใช่ทีมที่ใครควรมองข้าม

ถ้าเทียบกับ 3 ทีมด้านบนแล้ว สามารถพูดได้แบบไม่เกินไปว่า ฮังการีเป็นทีม ‘นอกสายตา’ สำหรับแฟนบอลที่ให้ความสนใจการแข่งขันในกลุ่มนี้ และก็ค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากทีเดียว ถ้าจะลุ้นให้พวกเขาเบียดกับทั้งฝรั่งเศส, เยอรมนี และโปรตุเกส เพื่อที่จะเข้ารอบต่อไป ถึงแม้ว่าโควตาการเข้ารอบในปีนี้จะมีอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุดได้ไปต่อถึง 4 ทีม จาก 6 กลุ่มแล้วก็ตาม

 

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฮังการีไม่มีความหมาย แต่ตรงกันข้าม พวกเขามีความหมายมหาศาลสำหรับกลุ่มนี้เลย เพราะทุกนัดที่ลงเล่น ทุกประตูที่ยิงได้ หรือทุกคะแนนที่เก็บมาได้จากทีมใดทีมหนึ่งใน 3 ยักษ์ใหญ่ มันอาจจะหมายถึงอันดับที่เปลี่ยนไปในตารางคะแนนกลุ่ม และมันอาจจะสำคัญถึงขนาดนี้พวกเขาสามารถลากทีมใดทีมหนึ่งตกรอบไปพร้อมกันได้เลย หากไปเก็บคะแนนจากพวกเขามาได้ (แม้ต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ ในการให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก็ตาม)

 

ฮังการีไม่ได้มีทีมที่ดีที่สุด พวกเขาเสีย โดมินิก โซโบสซ์ไล ตัวความหวังจากแอร์เบ ไลป์ซิก ไปทั้งทัวร์นาเมนต์ เพราะนักเตะมีอาการบาดเจ็บ แถม โรแลนด์ ซาลไล ก็ดูเหมือนจะหายจากอาการบาดเจ็บไม่ทันด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาคงมาเปิดเกมรับเพื่อหวังแบ่งแต้มกลับไป ซึ่งคงเป็นงานหนักของโปรตุเกสอย่างไม่ต้องสงสัย และอย่าเพิ่งมองข้ามการซื้อเกมรับ เพราะตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้วในเกมระหว่างสเปนกับสวีเดนว่าถ้าเกิดเจาะไม่เข้าขึ้นมาจริงๆ จะเสียหายมากแค่ไหน

 

โดยเกมระหว่างฮังการีพบโปรตุเกสจะแข่งขันกันที่ปุสกัส อารีนา ในกรุงบูดาเปสต์ ลงสนามกันในเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising