×

นักวิเคราะห์เตือน ผู้ประกอบการในไทยอาจย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม-สิงคโปร์มากขึ้น เหตุเจรจาข้อตกลงการค้ากับ EU ไม่คืบ

05.08.2019
  • LOADING...
ข้อตกลงการค้าเสรี

หลังสหภาพยุโรป (EU) ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับสิงคโปร์และเวียดนามไปแล้ว ได้สร้างแรงกระตุ้นให้ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนเร่งทำข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคีกับ EU ตามมา แต่ที่ผ่านมาการเจรจากับสหภาพยุโรปกลับมีอุปสรรคมากมาย

 

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า การเจรจาระหว่าง EU กับอินโดนีเซียประสบปัญหา เนื่องจาก EU ต้องการแบนการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียไม่เห็นด้วย ส่วนการเจรจากับฟิลิปปินส์ก็ไม่คืบหน้าเช่นกัน เนื่องจากยุโรปมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชน หลังสงครามกวาดล้างยาเสพติดของ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง

 

เช่นเดียวกับการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปกับมาเลเซียก็ติดขัดในประเด็นปัญหาน้ำมันปาล์ม ส่วนการเจรจากับไทยก็ชะงักงันมานานหลายปี

 

อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกว่า EU ยังคงผลักดันให้เกิดข้อตกลงกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนต่อไป โดย ซีซิเลีย มัลม์สตรอม กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป เคยกล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ข้อตกลงการค้ากับเวียดนามถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะช่วยเร่งกระบวนการเจรจากับอีก 4 ประเทศในอาเซียน ให้สำเร็จลุล่วงเร็วขึ้น

 

แต่กระนั้นนักวิเคราะห์มองว่า ในช่วงที่การเจรจายังไม่คืบหน้านี้ ดีลการค้าระหว่าง EU กับสิงคโปร์และเวียดนามจะดึงเม็ดเงินลงทุนไปจากประเทศที่ยังไม่เป็นคู่สัญญากับ EU ขณะที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าของไทยเคยเตือนเมื่อเดือนที่แล้วว่า ผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนเทคโนโลยีในประเทศอาจย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามแทน เพื่อสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในการส่งสินค้าไปยังตลาดยุโรป เช่นเดียวกับนักเศรษฐศาสตร์ไทยที่คาดการณ์ว่า แนวโน้มที่นักลงทุนจะย้ายฐานการลงทุนไปยังเวียดนามก็จะมีสูงขึ้น หลังข้อตกลงการค้ามีผลบังคับใช้ในปีนี้

 

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า หลังไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว ควรให้ความสำคัญกับการตั้งกรอบเวลาที่ชัดเจนในการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปเป็นลำดับแรกๆ เพราะหากสามารถเปิดเขตการค้าเสรีในเวลาไล่เลี่ยกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะเป็นผลดีต่อไทย แต่หากทางการไทยไม่สามารถผลักดันข้อตกลงให้ลุล่วงภายในกำหนดเวลา ไทยก็จะสูญเสียโอกาสการพัฒนาการผลิตรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีอนาคต และสูญเสียบทบาทการเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกของอาเซียน

 

ทั้งนี้คาดว่า ดีลการค้ากับ EU จะช่วยกระตุ้นการส่งออกของเวียดนามเพิ่มขึ้นถึง 20% จากมูลค่าการค้า 4.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว และช่วยกระตุ้นการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามถึง 3% ภายในปี 2023 ขณะที่ EU กับไทยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพียง 1.34 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.51 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising