นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 กันยายน) ว่า รัฐบาลมีแผนขึ้นอัตราภาษี เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในกาสนับสนุนระบบบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด
ทั้งนี้ รัฐบาลนายกรัฐมนตรีจอห์นสันต้องการจะปฏิรูปและจัดเก็บภาษีบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมในอัตราใหม่ที่ 1.25% ของรายได้จากการทำงานทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็เพิ่มอัตราภาษีที่จัดเก็บจากเงินปันผลของผู้ถือหุ้นอีกทางหนึ่งด้วย
โดยภายใต้แผนภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้อังกฤษมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเกือบ 3.6 หมื่นล้านปอนด์ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า กระนั้น ข้อเสนอดังกล่าวต้องการการพิจารณาและได้รับการอนุมัติรับรองจากทางรัฐสภา ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้อย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีจอห์นสันของอังกฤษ ประกาศแผนขึ้นภาษีดังกล่าวต่อหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและขาดความรับผิดชอบ หากรัฐจะจัดการมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากวิกฤตไวรัสโควิดด้วยวิธีการเพียงแค่กู้ยืมเงินมาใช้ และอัตราภาษีใหม่ที่จัดเก็บนี้ รัฐวางแผนมาอย่างดีเพื่อให้เป็นแหล่งทุนเพิ่มเติมแหล่งใหม่ เพื่อลงทุนในด้านระบบบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมของประเทศ
ขณะเดียวกัน ผู้นำอังกฤษยังได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงถึงข้อโต้แย้งว่าทำไมถึงไม่ขึ้นภาษีเงินได้ (Income Tax) หรือภาษีกำไรจากเงินลงทุน (Capital Gains Tax) โดยให้เหตุผลว่าภาษีเหล่านี้ไม่ใช่ภาษีที่ภาคธุรกิจจะต้องจ่าย ดังนั้น การขึ้นภาษีเงินได้และภาษีกำไรจากเงินลงทุนจึงเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนมากกว่าเดิม และแม้จะปรับขึ้นอัตราภาษีกำไรจากการลงทุนเป็นเท่าตัว ปริมาณภาษีที่จัดเก็บได้ก็ยังน้อยกว่า 9 พันล้านปอนด์ต่อปี
ในทางกลับกัน แผนจัดเก็บภาษีใหม่ของรัฐจะถัวเฉลี่ยให้ภาคธุรกิจและประชาชนต้องแบกรับร่วมกันในระดับที่เป็นธรรมต่อฐานรายได้ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเท่ากับว่าใครที่มีรายได้มากต้องจ่ายภาษีมากขึ้น อีกทั้งการที่รัฐมีแผนที่จะขึ้นภาษีที่ได้จากหุ้นและเงินปันผลอยู่แล้ว ดังนั้น เจ้าของกิจกรรมและเหล่านักลงทุนย่อมมีส่วนในการแบกรับความรับผิดชอบนี้ร่วมกันด้วย ซึ่งหากการปฏิรูประบบภาษีเป็นไปตามที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีจอห์นสันวางแผนไว้ บุคคลหรือธุรกิจที่มีรายได้สูงสุด 14% ของประเทศจะต้องจ่ายภาษีในสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ที่หามาได้
และหากเป็นไปตามแผน รัฐบาลอังกฤษจะสามารถดำเนินการจัดเก็บภาษีได้ในเดือนเมษายนปี 2022 โดยภาษีใหม่จะทำให้ผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยพื้นฐานที่ 24,100 ปอนด์ต่อปี ต้องเสียภาษีที่ 180 ปอนด์ต่อปี ขณะที่ผู้ที่มีรายได้มากกว่า 67,100 ปอนด์ต่อปี ต้องเสียภาษีที่ 715 ปอนด์ต่อปี
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวได้รับเสียงคัดค้านจากสมาชิกสภานิติบัญญัติภายในพรรคของนายกรัฐมนตรีจอห์นสันเอง เนื่องจากส่วนใหญ่วิตกกังวลว่าแผนปฏิรูปภาษีจะกระทบต่อคะแนนเสียงภายในสภา
ขณะเดียวกัน แผนขึ้นภาษีที่ว่านี้ยังได้รับเสียงคัดค้านจากภาคเอกชน โดยสมาคมหอการค้าอังกฤษระบุว่า การขึ้นภาษีจะกลายเป็นการถ่วงสมอเรือให้กับอัตราการจ้างงานของประเทศอังกฤษ ที่บริษัทส่วนใหญ่เพิ่งจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดและเริ่มกลับมาจ้างงานอีกครั้ง ขณะที่กลุ่มผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตมองว่าแผนการขึ้นภาษีดังกล่าวของรัฐบาลไม่สมเหตุสมผล และผิดที่ผิดเวลา
อ้างอิง:
เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหาร ‘ต้องดู’ ก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022
📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทย–โลก
📌 เทรนด์ผู้บริโภค–การตลาด
📌 เคสจริงจากผู้บริหาร
ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce
#TheSecretSauceStrategyForum2022
