ในระหว่างแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ‘อีลอน มัสก์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ได้ตอบคำถามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาค ทิศทางธุรกิจ ตลอดจนสิ่งที่เขาประเมินในอนาคต
Tesla รายงานรายได้ประจำไตรมาส 3/2022 อยู่ที่ 2.145 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 3.33 พันล้านดอลลาร์ โดยหลังจากรับรู้ผลประกอบการหุ้นได้ลดลงราว 5% ซึ่ง Tesla ได้สูญเสียมาร์เก็ตแคปไปแล้ว 45% ในปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้น Tesla ดิ่ง 50% จากราคาสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังปัจจัยเสี่ยงเชิงเศรษฐกิจรุมเร้า-ผู้นำฉุดเชื่อมั่น
- อดีตพนักงานเชื่อ อีลอน มัสก์ เป็นส่วนผสมของ Einstein, Tesla และ Rockefeller
- อีลอน มัสก์ เผยความคืบหน้า ‘หุ่นยนต์ในรูปแบบมนุษย์’ คาดมีราคาต่ำกว่า 7.5 แสนบาท และจะผลิตเป็นล้านๆ ตัว
มัสก์ย้ำว่า โรงงานต่างๆ กำลังผลิตด้วยความเร็วเต็มที่ โดยจะส่งมอบรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้น และรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้แข็งแกร่ง ซึ่ง Tesla ยังคง “ตั้งตารอที่จะทำลายสถิติในไตรมาสที่ 4”
รายงานก่อนหน้านี้ของ Tesla ระบุว่าได้ส่งมอบรถยนต์ 344,000 คันในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 42% จากปีที่แล้ว แต่จำเป็นต้องส่งมอบรถยนต์อีก 495,000 คันในไตรมาสที่ 4 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโต 50%
ขณะเดียวกัน Tesla มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนด้วยมูลค่า 5 พันล้าน – 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า แต่ต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน
เขายังกล่าวในแง่ดีว่า “ผมมีความเห็นว่าเราสามารถเหนือกว่า Apple ได้ในแง่ของมาร์เก็ตแคป อันที่จริงผมเห็นเส้นทางที่เป็นไปได้สำหรับ Tesla ที่จะมีมูลค่ามากกว่า Apple และ Saudi Aramco รวมกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นหรือจะเป็นเรื่องง่าย”
ถึง Tesla จะมียอดขายที่เป็นเศษเสี้ยวของบริษัทรถยนต์ขนาดใหญของโลก แต่ดูแคลนไม่ได้เลย เพราะ Tesla เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุด 10 รายรวมกันในแง่ของปริมาณการขาย
ในแง่ของปัญหาเศรษฐกิจมหภาคที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Tesla ทั้งในและนอกประเทศจีน มัสก์กล่าวว่า จีนกำลังประสบกับภาวะถดถอย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่วนยุโรปก็มีภาวะถดถอยอันเกิดขึ้นจากวิกฤตพลังงาน
อเมริกาเหนือยังมีทิศทางที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นมัสก์ก็ได้วิจารณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยายามลดอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดย “การตัดสินใจของ Fed นั้นสมเหตุสมผลหากคุณกำลังมองกระจกมองหลัง ไม่ใช่มองออกไปนอกกระจกหน้ารถ”
ถึงแม้ว่าต้นทุนของเงินทุนจะสูงขึ้นควบคู่ไปกับราคาสินค้า แต่มัสก์เห็นว่า Tesla ทำได้ดี เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน
“ประชาชนทั่วไปตระหนักดีว่าโลกกำลังมุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และการซื้อรถยนต์เบนซินใหม่ ณ จุดนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะมูลค่าคงเหลือของรถยนต์เบนซินนั้นจะต่ำมาก”
ท้ายนี้มัสก์ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการซื้อ Twitter ซึ่งอยู่ระหว่างการต่อสู้ทางกฎหมายกับบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยเขาเชื่อว่า “ศักยภาพในระยะยาวของ Twitter นั้นมีความสำคัญมากกว่ามูลค่าปัจจุบัน”
ภาพ: Michael Gonzalez / Getty Images
อ้างอิง: