อีลอน มัสก์ ออกมายอมรับในบทสัมภาษณ์ล่าสุดว่า เขาใช้ยา ‘ยาเค’ (Ketamine) ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เพื่อช่วยรักษาอาการซึมเศร้าเป็นครั้งคราว พร้อมทั้งยืนยันว่าสิ่งนี้ส่งผลดีต่อนักลงทุนในบริษัทของเขา
โดยในบทสัมภาษณ์กับอดีตผู้ประกาศข่าว CNN อย่าง ดอน เลมอน มัสก์อ้างว่าเขาใช้ Ketamine ในปริมาณน้อยทุกๆ สองสัปดาห์หรืออาจจะนานกว่านั้น เพื่อบรรเทาอาการ ‘สารเคมีในสมองไม่สมดุล’ ซึ่งนำไปสู่อารมณ์ซึมเศร้า
“Ketamine ช่วยให้ผมหลุดพ้นจากกรอบความคิดด้านลบ” มัสก์กล่าวกับเลมอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อีลอน มัสก์ ถูกกล่าวหาว่าใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมายทั้งโคเคนและ ยาเค (Ketamine)
- หน้าหนาว EV มาเยือนแล้ว? เมื่อ Tesla สูญมูลค่าบริษัท 9.4 หมื่นล้านบาท ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์
- SpaceX คว้างานลับ! สร้างกองทัพดาวเทียมสอดแนมให้สหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท
มัสก์ย้ำว่าแม้ Ketamine จะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่มันไม่ได้ส่งผลเสียต่องานของเขาหรือกระทบสัญญารัฐบาลที่บริษัทต่างๆ ภายใต้การบริหารของเขามีอยู่ รวมถึงไม่ได้กระทบภาพลักษณ์ของเขาในสายตานักลงทุนใน Wall Street
“ในมุมมองของนักลงทุนใน Wall Street สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลประกอบการ คุณสร้างมูลค่าให้กับนักลงทุนได้ไหม?” มัสก์กล่าว ก่อนเสริมว่า “Tesla มีมูลค่ารวมกันพอๆ กับบริษัทรถยนต์ทั้งอุตสาหกรรม หากมีอะไรที่ผมใช้แล้วได้ผล ผมก็ควรจะใช้มันต่อไป”
บทสัมภาษณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่ามัสก์ใช้ยาบางชนิดมากเกินไป ซึ่งทำให้ผู้บริหารใน Tesla และ SpaceX เกิดความกังวล ซึ่งมัสก์ก็ถูกตั้งคำถามว่า การใช้ Ketamine จะทำให้เขามีปัญหากับสัญญารัฐบาลของบริษัทตัวเองหรือไม่
นอกจากนี้ มัสก์ยังเคยสร้างความขัดแย้งด้วยการวิจารณ์การใช้ยาต้านเศร้า Wellbutrin เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว โดยระบุว่ายานี้ควรเลิกใช้ได้แล้ว ซึ่งทำให้บุคลากรทางการแพทย์ออกมาปกป้องประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาตัวนี้
Ketamine เดิมใช้เป็นยาระงับความรู้สึก แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยรองรับมากขึ้นว่าใช้ในการบำบัดรักษาอาการทางจิตเวช ทั้งซึมเศร้า วิตกกังวล และอื่นๆ การที่มัสก์ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกออกมาพูดถึงการใช้ยาชนิดนี้ จึงเป็นที่สนใจของสาธารณะอย่างมาก
แม้จะมีข้อกังขาตามมาอีกมากมายหลังบทสัมภาษณ์ออกอากาศ แต่การออกมายอมรับตรงๆ เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าที่เขาพบเจอและวิธีการรักษาตัวเองก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มัสก์กู้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้
ภาพ: Klaudia Radecka / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: