×

เราเกิดมาเพื่อมีความสุข สิ่งที่คุณครูแจ็ค หม่า อยากสอนคุณมากที่สุด

10.09.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS READ
  • หากแจ็ค หม่า กลับไปเป็นครูอีกครั้ง สิ่งที่เราควรเรียนรู้จากเขาน่าจะมีด้วยกัน 5 ข้อคือ อย่ายอมแพ้, จงหาหัวหน้าเก่งๆ แล้วเรียนรู้จากเขา, ความรวยมาพร้อมความรับผิดชอบ, แสวงหาปัญญา ไม่ใช่แค่ความรู้ และเราเกิดมาเพื่อมีความสุข

คุณอาจจะฉลองวันเกิดด้วยการเป่าเทียน กินขนม หรือจัดปาร์ตี้ แต่ แจ็ค หม่า อภิมหาเศรษฐีชาวจีน ใช้วันคล้ายวันเกิดครบ 55 ปีบริบูรณ์ด้วยการก้าวลงจากเก้าอี้ประธานบริหารบริษัทอาลีบาบา หนึ่งในอาณาจักรอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการในวันนี้ (10 ก.ย.)

 


แจ็ค หม่า กล่าวว่าถึงแม้เขาไม่มีทางร่ำรวยได้อย่างบิล เกตส์ แต่เขาสามารถวางมือจากบริษัทก่อนบิล เกตส์ ได้ โดยเกตส์ก้าวลงจากเก้าอี้ประธานไมโครซอฟท์ในปี 2014 เมื่อตอนที่อายุ 58 ปี  

 

หลังก้าวลงจากเก้าอี้ประธานบริหารแล้ว แจ็ค หม่า มีแผนจะอุทิศเวลาและทรัพย์สมบัติให้กับงานมูลนิธิด้านการศึกษาในประเทศจีนอย่างเต็มตัวผ่าน Jack Ma Foundation ที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 2014

“ผมยังต้องการกลับไปทำงานในแวดวงการศึกษา ซึ่งผมดีใจและตื่นเต้นกับมันมาก เพราะเป็นสิ่งที่ผมรัก” แจ็ค หม่า กล่าว
 
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่วันเกิดของเขาตรงกับวันครูแห่งชาติของจีน รวมทั้งครูยังเป็นอาชีพที่เขาเคยทำและรัก

 

“ครูที่ดีต้องการให้ศิษย์ดีกว่าตน ไม่มีครูคนไหนอยากให้ศิษย์ตัวเองติดคุก ล้มละลาย เมื่อเป็นซีอีโอ ผมต้องการให้คนที่เข้ามาทำงานที่บริษัทผมทำผลงานได้ดีกว่าที่เขาคิด พัฒนาให้เป็นคนเก่งกว่าเดิม นี่คือหน้าที่ของคนเป็นครู”

 

หากแจ็ค หม่า กลับมาเป็นครูอีกครั้ง นี่คงเป็นสิ่งที่เขาอยากสอนคุณมากที่สุด

 

 

1. ทำผิดพลาดเป็นพันครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยนับเป็นความผิดพลาดคืออย่ายอมแพ้

ก่อนที่แจ็ค หม่า จะเป็นครู เขาทำงานเป็นไกด์ราว 9 ปี เขาเป็นคนเรียนไม่เก่ง ล้มเหลวในการสอบถึง 3 ครั้งกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยได้

 

เมื่อเรียนจบ แจ็ค หม่า สมัครงานไปกว่า 30 แห่งและถูกปฏิเสธทั้งหมด

 

ตอน KFC เข้ามาเปิดในจีน มีผู้ยื่นใบสมัคร 24 คน ผ่านการคัดเลือกไป 23 คน แจ็ค หม่า คือคนเดียวที่ไม่ได้ไปต่อ

 

งานที่สมัครกัน 6 คน ได้งานกัน 5 คน เขาเป็นคนเดียวที่พลาด

 

ครั้งหนึ่งเขาและญาติเคยไปสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟที่โรงแรม 4 ดาวในเมืองด้วยกัน รอกันนานเกือบ 2 ชั่วโมง ญาติได้งาน แต่เขาถูกปัดตก จนคุณแม่ของเขาก็ได้แต่มองหน้าแล้วถอนหายใจ

 

“ผมรู้ว่านี่คือการฝึกซ้อมของผม ก่อนที่ผมจะอายุ 30 ผมเจอแต่ความผิดหวังและพ่ายแพ้ แต่ผมไม่เคยยอมแพ้ ผมคิดว่ายังพอจะมีโอกาสรอผมอยู่”

 

ท้ายที่สุดเขาก็ได้งานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทำอยู่ 6 ปี ช่วงปีที่ 5 เขาได้รับการคัดเลือกจากนักศึกษาให้เป็นอาจารย์ดีเด่น

 

เขาเคยกล่าวถึงความล้มเหลวในวันที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงว่า

 

“ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะได้รับปริญญานี้ ผมทำงานหนักมาก สอบตกแล้วตกอีก เรื่องราวชีวิตของผมคล้ายจะบอกทุกคนว่า ถ้าใครที่กำลังพยายามอย่างหนัก แต่ยังล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงอย่ายอมแพ้

 

“ปริญญาเอกนี้ ผมไม่คิดว่ามันเป็นของผมคนเดียว แต่มันคือการย้ำเตือนถึงจิตวิญญาณของผู้ประกอบการทุกคนว่า ‘อย่ายอมแพ้’


“สำหรับคนทั่วไป การมองเห็นคือความเชื่อ เราต้องเชื่อก่อนจึงจะเห็น ตอนเราเริ่มทำธุรกิจ เราไม่มีเงิน ไม่มีทรัพยากร ไม่มีอะไรสักอย่าง สิ่งเดียวที่มีคือเราเชื่อในอนาคต เรามีความฝัน เราทำผิดพลาดเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยนับเป็นความผิดพลาดคืออย่ายอมแพ้”


แจ็ค หม่า บรรยายในงาน World Economic Forum 2018 ว่า จงเรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่ใช่ความสำเร็จ

 

“พวกคุณจำไว้ให้ดีว่าถ้าต้องการจะประสบความสำเร็จ จงเรียนรู้จากบทเรียนความผิดพลาดของผู้อื่น ไม่ใช่เรื่องราวความสำเร็จ เรื่องราวความสำเร็จที่เขาทำได้ อย่าไปฟัง เพราะว่ามันมีเหตุผลที่มาหลายประการ


“ทำไมพวกคุณถึงเอาแต่เรียนหรือถกเถียงเรื่องราวของการประสบความสำเร็จกัน การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดไม่ใช่เพื่อให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนั้น แต่เมื่อความผิดพลาดนั้นมาเยือนคุณอีกครั้ง คุณจะรู้วิธีการรับมือและเผชิญหน้ามัน

 

“หนังสือที่ผมอยากเขียนมากที่สุดคือ 1,001 ความผิดพลาดของอาลีบาบา”

 

 

 

2. เลือกหัวหน้าที่เก่ง แล้วเรียนรู้จากเขา

แจ็ค หม่า เชื่อว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอายุช่วง 20-30 ปี ควรทำคือหาหัวหน้าที่เก่งๆ

 

“เมื่อคุณอายุ 20-30 ปี ผมแนะนำให้คุณทำงานกับหัวหน้าที่ดี ร่วมงานกับบริษัทดีๆ สักแห่งเพื่อเรียนรู้ว่าจะจัดการทำสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมอย่างไร เมื่ออายุ 30-40 ปี ถ้าคิดจะเริ่มทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง ลงมือเลย คุณยังมีโอกาสพลาดได้อีก


“แต่เมื่ออายุ 40-50 ปีเมื่อไร คำแนะนำของผมคือให้ทำสิ่งที่ถนัดเท่านั้น ไม่ใช่ทำสิ่งที่อยากลองหรือน่าสนใจ ซึ่งอันตรายมากกว่า พออายุ 50-60 ปี จงใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทกับการพัฒนาคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ขึ้นมา และเมื่อเลย 60 ปีขึ้นไปแล้ว การอยู่กับหลานๆ คือสิ่งที่ดีกว่า”

 

 

3. ความรวยมาพร้อมความรับผิดชอบ

ปัจจุบันแจ็ค หม่า มีทรัพย์สินประมาณ 36,600 ล้านเหรียญสหรัฐ รวยเป็นอันดับที่ 21 ของโลก และอันดับ 3 ของจีน แต่เขาเชื่อว่าเงินที่ได้มาหลายหมื่นล้านนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว แต่คือความรับผิดชอบที่สังคมมอบให้

 

“นักธุรกิจที่แท้จริงไม่ได้รู้แค่วิธีหาเงิน แต่ต้องรู้วิธีการใช้เงินด้วย เพราะเราไม่ได้อยู่ได้ด้วยเงิน หรือทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว

 

“เมื่อคุณมีเงิน 1 ล้าน มันคือเงินของคุณ เมื่อคุณมีเงิน 10 ล้าน ปัญหาจะเริ่มตามมา และเมื่อคุณมีเงิน 100 ล้าน ผมคิดว่านั่นไม่ใช่เงินของคุณ แต่คือสิ่งที่สังคมให้ความเชื่อมั่นกับคุณ พวกเขาเชื่อว่าคุณจะใช้เงินได้ดีขึ้น บริหารจัดการเงินไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้นนักธุรกิจที่แท้จริงจะไม่ได้หาเงินอย่างเดียวแล้วสร้างปัญหา แต่ต้องใช้เงินแก้ปัญหาให้คนอื่นด้วย

 

“เราควรทุ่มเงินไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยส่งเสริมผู้คน สร้างพละกำลังให้พวกเขา ทำคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น นี่คือส่ิงที่พวกเราต้องการจะลงทุนพัฒนา”

 

 

4. จงแสวงหาปัญญา ไม่ใช่แค่ความรู้

แจ็ค หม่า คิดว่าโลกอนาคตเต็มไปด้วยความท้าทายหลายอย่าง ทั้งปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ ความเป็นส่วนตัว ความยากจน สิ่งแวดล้อม แต่ความท้าทายที่ยากที่สุดในมุมมองของเขาคือการศึกษา

 

“แม้กระทั่งวันนี้ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกก็ยังเผชิญความท้าทายเดียวกัน เพราะสิ่งที่เราสอนเด็กๆ คือความรู้เก่าเมื่อ 200 ปีที่แล้ว สิ่งที่เราสอนนี้ ต่อไปหุ่นยนต์จะทำได้ดีกว่า ดังนั้นเราต้องหาวิธีใหม่ในการสอนว่าเนื้อหาแบบไหนที่หุ่นยนต์จะไม่มีทางชนะเรา ซึ่งผมเชื่อว่าหุ่นยนต์มีแค่ชิป แต่มนุษย์มีหัวใจ

 

“เราต้องเริ่มเปลี่ยนระบบการศึกษาตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตมันจะไม่ใช่การแข่งขันกันด้วยความรู้ แต่คือการแข่งขันกันด้วยความคิดสร้างสรรค์ แข่งขันกันด้วยจินตนาการ แข่งขันกันด้วยการเรียนรู้ แข่งขันกันด้วยการคิดอย่างมีอิสระ

 

“ถ้าคุณคิดเหมือนหุ่นยนต์ ปัญหาจะตามมา ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาเราสร้างคนให้เหมือนกับหุ่นยนต์ ในอีก 20 ปีข้างหน้าหุ่นยนต์จะเหมือนคน ดังนั้นโลกอนาคตจะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความรู้ แต่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาและประสบการณ์ โลกเก่าเราขับเคลื่อนด้วยการผลิต แต่โลกใหม่จะขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์

 

“อะไรคือความต่างระหว่างความฉลาด (Smart) และปัญญา (Wisdom) ในมุมมองของผม คนฉลาดรู้ว่าตนต้องการอะไร แต่คนที่มีปัญญาจะรู้ว่าอะไรคือส่ิงที่เขาไม่ต้องการ

 

“ส่ิงที่คุณควรสอนเด็กๆ คือ คุณค่า ความเชื่อ อิสระทางความคิด ทีมเวิร์ก ความห่วงใยผู้อื่น นี่คือส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ความรู้ให้เราไม่ได้ และคือเหตุผลว่าทำไมเราควรสอนให้เด็กๆ รู้จักกีฬา ดนตรี ศิลปะ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราจะไม่เหมือนกับหุ่นยนต์

 

“สิ่งที่โลกควรโฟกัสไม่ใช่แค่ IQ หรือ EQ แต่คือ LQ หรือ Q ของความรัก เพราะความใส่ใจและห่วงใยผู้อื่นจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ และทำให้มนุษย์แตกต่างจากหุ่นยนต์”

 

 

5. เราเกิดมาเพื่อมีความสุข

ครั้งหนึ่งระหว่างการพูดบนเวที มีคนถามแจ็ค หม่า ว่าในชีวิตเคยเสียใจกับอะไรมากที่สุด เขาตอบว่าเขาเสียใจที่ให้เวลากับครอบครัวและคนรักน้อยเกินไป

 

“ภรรยาผมบอกว่าผมไม่ได้เป็นสามีของเธอ แต่ผมเป็นสามีของอาลีบาบา

 

“ผมคิดเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว อีกหน่อยผมจะเกษียณ แก่ตัว นอนป่วย และตายไป ผมอยากให้รู้ว่าเราเกิดมาบนโลกนี้ไม่ใช่เพื่อทำงาน แต่เกิดมาเพื่อทำบางสิ่งบางอย่างที่เรามีความสุข และทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย”

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising