×

EA เชื่อการเข้ามาของ Tesla ส่งผลด้านบวก คาดครึ่งปีหลังเห็นรายได้จากธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าชัดเจนขึ้น

26.05.2022
  • LOADING...
EA

จากงาน Opportunity Day ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ (26 พฤษภาคม) บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ได้ร่วมให้ข้อมูลกับนักลงทุนเกี่ยวกับภาพของธุรกิจในอนาคต ปัจจุบันธุรกิจหลักของ EA แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไบโอดีเซล และยานยนต์ไฟฟ้า(EV) 

 

ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดมีประเด็นของการที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla เข้ามาบุกตลาด EV ของไทย ซึ่งในส่วนนี้ วสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน EA มองว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัทน่าจะเป็นไปในเชิงบวกมากกว่า

 

“การเข้ามาของ Tesla ไม่น่าจะมีผลกระทบด้านลบเท่าใดนัก ส่วนด้านบวกน่าจะเกิดขึ้นใน 2 ด้าน คือ 1. การรับรู้ของผู้คนที่ต้องการจะใช้ EV น่าจะดีขึ้น และ 2. บริษัทอาจจะมีโอกาสได้ร่วมมือทางธุรกิจอะไรบางอย่างเกิดขึ้นได้” 

 

ทั้งนี้รายได้จากธุรกิจ EV ของบริษัทจะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ ซึ่งจะมาจากส่วนของรถบัสไฟฟ้า ซึ่งปีนี้คาดว่าจะส่งมอบได้ 1,500-2,000 คัน รวมถึงเรือไฟฟ้าที่ปัจจุบันให้บริการแล้วกว่า 20 ลำ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะขยายการผลิตในส่วนของรถบรรทุกไฟฟ้า ซึ่งปีนี้ก็น่าจะเห็นการผลิตในระดับหลายร้อยคัน 

 

นอกจากส่วนของยานยนต์เชิงพาณิชย์แล้ว บริษัทได้ลงทุนใน EV Ecosystem ด้านอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของแบตเตอรี่ที่ปีนี้จะขยายกำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์ รวมถึงแท่นชาร์จซึ่งจะเน้นติดตั้งตามอู่จอดรถบัสและรถบรรทุก รวมถึงสถานที่ต่างๆ ในตัวเมือง เช่น ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร 

 

“ไตรมาสแรกบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ Smart Bus ซึ่งปัจจุบันมีใบอนุญาตเดินรถ 37 เส้นทาง ด้วยจำนวนรถ 1,250 คันในกรุงเทพฯ แต่จุดที่อยากให้มองคือ การจดทะเบียนรถบัสใหม่ต่อปีอยู่ที่ 7,000-10,000 คัน ซึ่งรถ EV ถูกกว่าในแง่การบริหารจัดการ ทำให้ทุกคนน่าจะสนใจเปลี่ยนมาใช้ EV ในอนาคต” 

 

วสุกล่าวต่อว่า อีกธุรกิจหนึ่งที่บริษัทเริ่มเข้าไปศึกษามากขึ้นคือพลังงานจากขยะ ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของโรงไฟฟ้าเดิมที่สัญญา Adder กำลังจะหมดลง ในส่วนนี้บริษัทให้ความสนใจ 2 ส่วนหลัก ได้แก่

 

  1. การบริหารจัดการของเสีย ที่ผ่านมาค่อนข้างมีปัญหามากในไทย ปัจจุบันบริษัทเริ่มต้นจากการเข้าไปประมูลเพื่อรับบริหารจัดการในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะเริ่มเห็นในไตรมาส 2 นี้ 
  2. พลังงานจากขยะ ในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับการยื่นซองประมูล และกว่าจะรับรู้รายได้อาจจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี เพราะต้องใช้เวลาในการสร้างโรงงาน 

 

“ทุกครั้งที่เราเข้าไปในธุรกิจที่ไม่ถนัด เราจะพยายามหาพันธมิตรที่เข้มแข็งในธุรกิจนั้นๆ แต่ขณะนี้ยังขอเก็บเป็นความลับก่อน” 

 

สำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต บริษัทคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ EV 40% ธุรกิจแบตเตอรี่ 20% และเป็น Working Capital 40% ซึ่งเงินลงทุนนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากการออกหุ้นกู้แบบ Convertible Bond โดยน่าจะออกขายภายในเดือนกรกฎาคมนี้ 

 

“ไตรมาส 3 นี้เราจะเห็นการเติบโตของรายได้อย่างก้าวกระโดดในส่วนของธุรกิจ EV ปีนี้เชื่อว่าจะเป็นปีที่ตื่นเต้นในการลงทุน EV Ecosystem และทั้งปีนี้น่าจะเห็นรายได้ของบริษัทเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน ส่วนเรื่องของมูลค่าหุ้นที่ปัจจุบัน P/E สูงราว 50 เท่า หลังจากนี้ตัวเลขน่าจะค่อยๆ ลดลงจากฐานกำไรที่สูงขึ้น”

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising