×

เอาจริง! ‘ดูเตร์เต’ ปราบ ‘ยาเสพติด-อาชญากรรม’ สังเวยแล้วกว่า 3,400 ศพ

18.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • นับตั้งแต่ประธานาธิบดีดูเตร์เตเข้ามาบริหารประเทศในเดือนมิถุนายน ปี 2016 ยอดผู้เสียชีวิตจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดและลดการเกิดอาชญากรรมภายในประเทศสูงกว่า 3,400 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
  • ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีผู้ (ต้องสงสัย) ค้ายาเสพติดและอาชญากร โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงมะนิลาและบูลากัน ถูกฆ่าตัดตอนไปแล้วกว่า 80 คนและถูกจับกุมมากกว่า 223 คน

     หลังจาก ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต (Rodrigo Duterte) ของฟิลิปปินส์ ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายด้วยการชูนโยบายปราบปรามยาเสพติดและลดการก่ออาชญากรรมภายในประเทศ และก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตจากนโยบายปราบปรามนี้พุ่งสูงกว่า 3,400 คน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

     ทางการฟิลิปปินส์เผยว่า นับตั้งแต่ดูเตร์เตมีคำสั่งยกระดับการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ (ต้องสงสัย) ค้ายาเสพติดและอาชญากรถูกฆ่าตัดตอนไปแล้วกว่า 80 คนภายใน 3 วัน โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงมะนิลาและบูลากัน นับเป็นช่วงเวลาที่มีอัตรายอดผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่ดูเตร์เตดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

เราจะสังหารพวกเขาเหล่านี้อีก 32 คนทุกๆ วัน เผื่อพวกเราจะสามารถลดจำนวนคนที่ทำให้ประเทศป่วยไข้ลงได้บ้าง

 

     พันเอกเออร์วิน มาร์กาเรโจ (Erwin Margarejo) โฆษกตำรวจกรุงมะนิลา เผยว่า “ยอดผู้เสียชีวิตของผู้ค้ายาเสพติดและอาชญากรที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ เป็นเพราะพวกเขาเลือกที่จะต่อสู้และขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

     นอกจากนี้รายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังระบุว่า มีผู้ลักลอบค้ายาเสพติดและอาชญากรท้องถิ่นในเมืองมะนิลาและบูลากันถูกจับกุมมากกว่า 223 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจออกปฏิบัติหน้าที่กว่า 84 คดีในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

     ทางด้าน โรนัลด์ เดลา โรซา (Ronald dela Rosa) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันว่า “ประธานาธิบดีดูเตร์เตไม่ได้สั่งให้ผมเอาแต่ฆ่ากับฆ่า แต่ประธานาธิบดีมีคำสั่งชัดเจนว่า สงครามปราบปรามยาเสพติดเป็นสิ่งที่จำต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และจะไม่มีทางอ่อนข้อลงโดยเด็ดขาด ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่คือผู้ที่ขัดขืนการจับกุมและคิดต่อสู้”

     ประธานาธิบดีดูเตร์เตออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เป็นเรื่องที่ดีที่อาชญากรถูกสังหารถึง 32 คนเมื่อวานนี้ในบูลากัน เราจะสังหารพวกเขาเหล่านี้อีก 32 คนทุกๆ วัน เผื่อพวกเราจะสามารถลดจำนวนคนที่ทำให้ประเทศป่วยไข้ลงได้บ้าง

ช่วงเวลา 1 ปีกว่านับตั้งแต่ดูเตร์เตเข้าดำรงตำแหน่ง อาชญากรเหล่านี้ถูกดำเนินคดีไปแล้วกว่า 13,400 คน ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้เสพหรือผู้ค้ายารายย่อยในชุมชนแออัดและมีฐานะยากจน

 

เสียงต่อต้านจากนักพิทักษ์สิทธิมนุษยชน

     นโยบาย ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ ที่ปราบปรามผู้ลักลอบค้ายาเสพติดและเหล่าอาชญากรภายในฟิลิปปินส์อย่างเอาจริงเอาจังและไม่ยอมอ่อนข้อนี้ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อ ‘ความโหดเหี้ยม’ ของประธานาธิบดีดูเตร์เตเป็นวงกว้าง

     ชิโต แกสกอน (Chito Gascon) ประธานคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนของฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์ว่า “คำพูดที่ประธานาธิบดีกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีความฮึกเหิมในการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดนั้นเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุด

     “เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นจะรู้สึกว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ โดยที่พวกเขามั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกสอบสวนหรือถูกลงโทษ” ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มที่สถานการณ์จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น

     อีกทั้ง เลนี โรเบรโด (Leni Robredo) รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จากพรรคตรงข้ามของประธานาธิบดีดูเตร์เต ออกมาประณามและต่อต้านการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาปราบปรามยาเสพติดและลดจำนวนอาชญากรรมภายในประเทศ และเตือนว่า หากสถานการณ์ยังคงรุนแรงเช่นนี้ ฟิลิปปินส์อาจเจอกับการโต้กลับที่รุนแรงขึ้น

คำสั่งของประธานาธิบดีดูเตร์เตในช่วงนี้ไม่ต่างไปจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของไทยในช่วงรัฐบาลทักษิณ ที่อัตราการฆ่าตัดตอนสูงมาก

 

     ตลอดช่วงเวลา 1 ปีกว่านับตั้งแต่ดูเตร์เตเข้าดำรงตำแหน่ง อาชญากรเหล่านี้ถูกดำเนินคดีไปแล้วกว่า 13,400 คน ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้เสพหรือผู้ค้ายารายย่อยในชุมชนแออัดและมีฐานะยากจน

     ถึงแม้ว่าจะมีเสียงตอบโต้และเสียงประณามมากมายจากองค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลก แต่ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ก็ยังคงสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลดูเตร์เตต่อไปในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาการเกิดอาชญากรรมภายในประเทศ

     นักวิชาการไทยชี้ว่า “บุคลิกลักษณะและท่าทีที่แข็งกร้าวของตัวผู้นำ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการนำนโยบายและคำสั่งไปปฏิบัติอย่างจริงจัง สะท้อนความต้องการในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

     “คำสั่งของประธานาธิบดีดูเตร์เตในช่วงนี้ไม่ต่างไปจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของไทยในช่วงรัฐบาลทักษิณ ที่อัตราการฆ่าตัดตอนสูงมากในช่วงเวลานั้น ”

 

Photo: Noel CELIS/AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising