×

สังคมอเมริกันเดือด หลังทรัมป์ยกเลิก ‘DACA’ โครงการความหวังของวัยรุ่นนักล่าฝันทั่วอเมริกา

06.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยุติโครงการ DACA ในวันที่ 5 มีนาคม 2018 พร้อมทั้งจะเรียกประชุมสภาฯ ให้ออกกฎหมายใหม่ขึ้นมาทดแทนโครงการนี้ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อเยาวชนและคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ กว่า 800,000 คน ที่ไม่มีฐานข้อมูลและกำลังเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทรัมป์ระลอกใหม่ขึ้นอีกครั้ง นอกจากอดีตประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีอย่างบารัก โอบามา และโจ ไบเดน จะออกมาประณามการกระทำดังกล่าวแล้ว บรรดาผู้นำองค์กรชั้นนำต่างๆ ของโลก ต่างออกมาสนับสนุนและปกป้องสิทธิ์ของคนรุ่นใหม่ (ที่เติบโตขึ้น)ในสังคมอเมริกันของพวกเขา

     สังคมอเมริกันเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์อีกครั้ง หลังจากทรัมป์ตัดสินใจยกเลิกโครงการ Deferred Action for Childhood Arrivals (DACA) ที่เริ่มต้นขึ้นในสมัยรัฐบาลโอบามา ที่ให้สิทธิ์คุ้มครองแก่วัยรุ่นนักล่าฝันอเมริกันที่มาจากครอบครัวผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัยที่ตัดสินใจมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนเสรีภาพแห่งนี้

 

Photo: JIM WATTSON/AFP

     บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นประณามการตัดสินใจดังกล่าวของทรัมป์ว่า เป็นการกระทำที่โหดร้ายและไม่เป็นธรรมต่อคนกลุ่มนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ในสังคมอเมริกันที่ล้วนมีความฝัน บางครั้งพวกเขาเหล่านี้ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาไม่มีข้อมูลในฐานทะเบียนราษฎร์ จนกระทั่งพวกเขาจำเป็นต้องกรอกใบสมัครงาน ใบสมัครเข้าศึกษาต่อ หรือแม้แต่สอบใบขับขี่

     “นี่คือเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นในสหรัฐฯ เด็กๆ เหล่านี้เรียนในโรงเรียนของพวกเรา พวกเขาเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่นี่ พวกเขารักและโบกสะบัดธงของประเทศนี้ เหล่านักล่าฝันเหล่านี้เป็นชาวอเมริกันทั้งในหัวใจและในความคิดของพวกเขา”

     ทั้งนี้อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำให้นักการเมืองทุกฝ่ายควรเร่งผลักดันกฎหมายที่เป็นรูปธรรม เพื่ออนุญาตให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ในประเทศแห่งนี้และมีสิทธิ์ที่จะได้รับสิทธิ์ความเป็นพลเมือง ถ้าพวกเขาต้องการที่จะเข้าศึกษาต่อหรือแม้แต่ต้องการจะขึ้นบัญชีเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ

     “การมุ่งเป้าหมายไปที่คนรุ่นใหม่เหล่านี้คือสิ่งที่ผิด เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดเลย การตัดสินใจของทรัมป์คือความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาเอง เพราะพวกเขาต้องการเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่นี่ในบริษัทของเรา ห้องทดลองของเรา รวมถึงกองทัพและทุกๆ อาชีพในประเทศที่พวกเขารัก สิ่งที่เกิดขึ้นคือความโหดร้าย”

     เจฟฟ์ เซสชันส์ (Jeff Sessions) อัยการสูงสุดออกมาแถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 ก.ย.) ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะค่อยๆ ลดขั้นตอนต่างๆ และยกเลิกโครงการ DACA ที่เปรียบเสมือนเป็นโครงการที่ให้สิทธิ์คุ้มครองแก่เยาวชนและคนรุ่นใหม่ที่มาจากครอบครัวผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในสหรัฐฯ ให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ในประเทศแห่งนี้ราวกับเป็นประเทศบ้านเกิดของตนเอง

     โดยทรัมป์จะยุติโครงการนี้ในวันที่ 5 มีนาคม 2018 พร้อมทั้งจะเรียกประชุมสภาฯ ให้ออกกฎหมายใหม่ขึ้นมาทดแทนโครงการนี้ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อเยาวชนและคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ กว่า 800,000 คน ที่ไม่มีฐานข้อมูลและกำลังเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย

     โจ ไบเดน (Joe Biden) อดีตรองประธานาธิบดี 2 สมัยในรัฐบาลโอบามาก็ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการตัดสินใจดังกล่าวของทรัมป์ว่า เป็นการกระทำที่รุนแรงต่อกลุ่มคนที่เติบโตขึ้นในสหรัฐฯ และตอนนี้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง โดยไม่รู้ว่าจะถูกส่งกลับประเทศบ้านเกิดเมื่อไร โดยที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

     “พวกเขาเหล่านี้คือคนอเมริกัน การผลักไสคนเหล่านี้คือความโหดร้ายป่าเถื่อน และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเป็นอเมริกา สภาคองเกรสและชาวอเมริกันทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันแสดงให้ประเทศเพื่อนบ้านของพวกเราเห็นว่า คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้รับการต้อนรับอย่างดีที่นี่ ในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘บ้าน’ มาโดยตลอด”

     ทางด้านทีมผู้บริหาร Microsoft อย่าง แบรด สมิธ (Brad Smith) และ ทิม คุก (Tim Cook) CEO คนสำคัญของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple รวมถึงผู้บริหารขององค์กรชั้นนำต่างๆ มากมายออกมาสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ โดยพวกเขาต่างประกาศจุดยืนที่ชัดเจนขององค์กรว่า “หากรัฐสภาสหรัฐฯ ล้มเหลวที่จะปกป้องคนกลุ่มนี้ บริษัทของพวกเรามีสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายที่จะปกป้องพนักงานของพวกเรา”

 

Photo: MANDEL NGAN/AFP

ทรัมป์กับการตัดสินใจครั้งล่าสุด

     หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูในสังคมอเมริกัน ทรัมป์ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการกระทำดังกล่าวของตน พร้อมกับเปรียบเทียบว่า โครงการของโอบามาไม่ต่างจากองค์กรการกุศลอย่าง Amnesty ที่ให้สิทธิ์คุ้มครองบรรดาผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัยผิดกฎหมายเหล่านี้ ให้มีสิทธิ์เข้ามาเบียดพื้นที่กลุ่มชาตินิยมที่มีแนวคิดแบบ ‘America First’

     “ผมไม่ได้ชื่นชอบการลงโทษเด็ก (ที่ส่วนใหญ่เติบโตขึ้นเป็นคนรุ่นใหม่) เพราะการกระทำต่างๆ ของพ่อแม่พวกเขา แต่พวกเราก็จะต้องตระหนักด้วยเช่นกันว่า เราเป็นชาติแห่งโอกาส เพราะเราเป็นชาติแห่งกฏหมาย ถึงแม้ว่าจะมีความวิตกกังวลของกลุ่มคนเหล่านี้ แต่เราก็อย่าลืมว่า กลุ่มวัยรุ่นที่เป็นชาวอเมริกัน (แท้ๆ) ก็มีความฝันด้วยเช่นกัน

     “ผมรักคนกลุ่มนี้ (ผู้ที่ได้รับสิทธิ์และสถานะคุ้มครองจาก DACA) และผมหวังว่า รัฐสภาสหรัฐฯ จะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างเหมาะสม”

 

 

     นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมกราคม ปี 2017 รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของเขายังไม่สามารถประกาศใช้กฎหมายสำคัญๆ อย่างเป็นรูปธรรมได้เลย นอกจากนี้รัฐบาลทรัมป์ยังไม่สามารถจัดหาโครงการที่มาทดแทนโครงการ Obamacare ที่ทรัมป์พยายามที่จะยกเครื่องการให้บริการด้านสาธารณสุขใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ในสภาคองเกรสเองก็มีความเห็นในประเด็นของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่แตกต่างหลากหลาย ยากแก่การหาข้อสรุป

     ความพยายามที่จะยุติโครงการ DACA นี้คือความพยายามล่าสุดที่รัฐบาลจากพรรครีพับลิกันพยายามที่จะลดบทบาทของชาวอเมริกัน เชื้อสายฮิสแปนิกที่อาศัยอยู่ภายในประเทศ เนื่องจากคนกลุ่มนี้เติบโตและขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบรรดาผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพและผู้ลี้ภัยจากเม็กซิโกและประเทศอื่นๆ ในลาตินอเมริกา ที่ตัดสินใจมาเริ่มต้นชีวิตใหม่และสร้างครอบครัวของตัวเองที่สหรัฐฯ ส่งผลให้รัฐบาลเม็กซิโกแสดงความเสียใจต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ พร้อมกับมีคำสั่งให้สถานกงสุลใหญ่ปกป้องคุ้มครองพลเมืองสัญชาติเม็กซิกันที่ได้รับผลกระทบ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising