จะด้วยความสำเร็จแบบถล่มทลายของ Squid Game หรือแนวคิดการทำการตลาดแบบ Think Global, Act Local ก็แล้วแต่ เมื่อเร็วๆ นี้บริการ Streaming ระดับโลกอย่าง Disney+ ประกาศแผนจะลงทุนด้านคอนเทนต์ที่ผลิตจากฝั่งเอเชียแปซิฟิกให้ได้ 50 เรื่องภายในปี 2023 โดยตั้งใจให้เป็นศูนย์รวมคอนเทนต์ที่ยิ่งใหญ่เมื่อผนวกรวมกับหนัง สารคดี และซีรีส์เดิมที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ทั้งจาก Disney, Marvel, Star Wars, Pixar, National Geographic และ Star ทำให้ตลาดเอเชียแปซิฟิกกลายเป็นสนามรบที่ดุเดือดและแหล่งผลิตคอนเทนต์ที่น่าจับตามอง

อย่างที่รู้กันว่า Netflix ลงทุนด้านคอนเทนต์จากฝั่งเอเชียมาก่อนหน้านี้หลายปี โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ก็เคยใช้เงินลงทุนในปี 2015-2020 ถึง 700 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 23,300 ล้านบาท) และเปิดตัวออริจินัลซีรีส์เรื่องแรกจากเกาหลีใต้คือ Kingdom ในเดือนมกราคม ปี 2019 ส่วนปี 2021 Netflix ก็หันมาลงทุนกับคอนเทนต์จากประเทศนี้ถึง 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 16,600 ล้านบาท) ในปีเดียว โดย Squid Game เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เห็นได้ชัด ซึ่งถ้าหากข้อมูลในเอกสารลับของ Netflix ที่หลุดออกมาเมื่อเร็วๆ นี้เป็นความจริงว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำรายได้ถึง 891 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 29,800 ล้านบาท) หรือ 40 เท่าของทุนสร้างที่ 21.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 700 ล้านบาท) นั่นแสดงว่าซีรีส์แค่เรื่องเดียวก็ทำให้ Netflix ได้กำไรจากการลงทุนนั้นแล้ว อีกทั้งหุ้นของ Netflix กว่า 7% นับตั้งแต่ซีรีส์เรื่องนี้เปิดตัว 

ยังไม่นับรวมออริจินัลซีรีส์เกาหลีใต้อีกหลายเรื่องที่กำลังจ่อคิวฉายอย่าง Hellbound และ The Silent Sea ซึ่งเรื่องหลังเป็นผลงานใหม่ของพระเอกชื่อดังอย่าง กงยู ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ 

Snowdrop 

ทางด้าน Disney+ ที่กำลังจะเปิดตัวในเกาหลีใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็ประกาศลงทุนในคอนเทนต์ฝั่งเอเชียแปซิฟิกที่มาจากทั้งญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และแน่นอนว่าต้องมีเกาหลีใต้ ซึ่งนอกจากซีรีส์ฟอร์มใหญ่ Snowdrop ผลงานซีรีส์เรื่องแรกของ จีซู วง BLACKPINK จากช่อง JTBC ที่จะสตรีมทาง Disney+ ในเดือนธันวาคมแล้ว ก็ยังมีแผนจะสร้างออริจินัลซีรีส์เกาหลีของตัวเองด้วยเหมือนกัน อย่างเช่น Rookie ที่ได้ คังแดเนียล ศิลปินชื่อดังของเกาหลีใต้ มานำแสดง ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มไฮโซที่เข้าเรียนในโรงเรียนตำรวจ Moving ซีรีส์แนวแฟนตาซีสร้างจากเว็บตูนเรื่องดังของเกาหลีใต้ Sixth Sense Kiss เรื่องของหญิงสาวที่มีพลังวิเศษสามารถมองเห็นอนาคตได้ผ่านการ ‘จูบ’ ฯลฯ 

Sixth Sense Kiss และ Rookie 

Disney+ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สิ่งที่โดดเด่นคือ คอนเทนต์จากฝั่งฮอลลีวูดและหนังฟอร์มใหญ่จากผู้สร้างในเครือดิสนีย์ แต่ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่สร้างกระแสให้เป็นที่พูดถึงในวงกว้างได้เท่าที่ควร อาจเพราะตลาดในเมืองไทยยังนิยมเสพซีรีส์เกาหลีเป็นหลัก ดังนั้นการหันมาลงทุนในตลาดเอเชียแปซิฟิกก็น่าจะสร้างความน่าสนใจใหม่ๆ ให้ Disney+ มีคอนเทนต์ที่ถูกจริตคนไทยในวงกว้างมากกว่าแต่ก่อน

เห็นตัวเลขการเงินลงทุนของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้เขียนย้อนมองมาที่ผู้สร้างคอนเทนต์ในเมืองไทย และอยากให้พัฒนาศักยภาพให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพราะลำพังแค่ออริจินัลซีรีส์ไทยใน Netflix ก็มีเพียง 2 เรื่อง คือ เคว้ง และ Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง ส่วนภาพยนตร์ก็มี DEEP โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย และ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี ซึ่งก็ยังไม่มีเรื่องไหนปังดังใจ ส่วนที่ประกาศสร้างอีก 2 เรื่อง คือ อุบัติกาฬ (Shimmers) และ Thai Cave Rescue ภารกิจกู้ชีวิตถ้ำหลวง ที่เพิ่งเปิดตัวนักแสดงไปเมื่อเร็วๆ นี้ คือความหวังใหม่ให้ไทยเกาะติดเทรนด์ความฮอตของนักสร้างคอนเทนต์เอเชียแปซิฟิกกับเขาบ้าง

Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง และ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี

DEEP โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย

อ้างอิง:

• https://www.latestbreakingnewsvideo.com/news/latest-news/watch-disney-pronounces-asia-pacific-originals-in-its-bid-to-compete-with-netflix-google-asia-news.html?amp=1
• ​​https://www.cnbc.com/2021/02/25/netflix-nflx-to-spend-500-million-in-south-korea-in-2021.html
• https://www.allkpop.com/article/2021/10/disney-plus-reveals-first-teaser-stills-for-upcoming-korean-contents-prior-to-asia-pacific-launches
• https://www.cheatsheet.com/entertainment/disney-plus-is-venturing-into-the-world-of-k-dramas.html/
• https://www.facebook.com/thestandardwealth/posts/415467133542314
• https://www.facebook.com/BrandInsideAsia/posts/5241702049189778
• https://www.facebook.com/CatDumbNews/posts/4659378550771564
• https://min.news/en/entertainment/7ee7a29c91090edc50c2c9ebe07771aa.html