×

5 หมวดรายการใน Disney+ ที่ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีแค่คอนเทนต์เจ้าหญิง Disney

12.06.2021
  • LOADING...
5 หมวดรายการใน Disney+ ที่ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีแค่คอนเทนต์เจ้าหญิง Disney

หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่เราเชื่อว่ากำลังเกิดขึ้นในบรรดาคนชอบดูรายการบันเทิงต่างประเทศตอนนี้คือ “แกจะสมัคร Disney+ ไหม?” เพราะทุกวันนี้ชีวิตคนเราก็เต็มไปด้วยแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ มากมายที่แทบจะไม่มีเวลาดูทุกอย่างให้ทัน ซึ่งแน่นอนสำหรับสาวกแฟนคลับอาณาจักร Marvel หรือ Star Wars ก็ไม่ต้องถามให้เสียเวลา เพราะพวกเขาคงนับวันรอแล้วจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ที่แพลตฟอร์ม Disney+ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่ก็เชื่อว่าก็ยังมีอีกหลายคนที่กำลังลังเลใจคิดแล้วคิดอีกว่าควรสมัครดีไหมนะ เพราะอาจกลัวว่าจะเน้นแต่คอนเทนต์การ์ตูนแบบพวกเจ้าหญิง Disney เป็นหลัก และอาจจะเหมาะให้หลานๆ ดูมากกว่า ซึ่งอายุตัวเองอาจเกินไปแล้วที่จะมาอินกับการร้อง Let it Go, A Whole New World หรือ Under the Sea ได้ทุกวัน

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วพอ THE STANDARD POP ได้เข้าไปศึกษารายการที่มีอยู่ในคลังของ Disney+ ทั้งหมด ซึ่งแค่ในปี 2019 ที่เปิดตัวมาพร้อมภาพยนตร์ 500 เรื่อง และซีรีส์ร่วมกัน 7,500 ตอน เราก็กลับค้นพบว่า Disney+ ถือว่าตอบโจทย์รสนิยมของคนดูหลายหลายกลุ่มและถือว่ามองข้ามไม่ได้เลย โดยเราได้แบ่งออกเป็น 5 หมวดให้ได้รู้กัน เพื่อจะช่วยให้คุณตัดสินอยากสมัครทันที!

 

 

Disney+ Originals

ความคิดแรกที่เราคิดว่าควรลบออกไปเลยคือ Disney+ จะรวบรวมเพียงแต่ภาพยนตร์และการ์ตูนที่เคยฉายมาแล้วของค่าย Disney ซึ่งความเป็นจริงแล้วในสองปีแรกที่เปิดตัวมา ทาง Disney+ ได้ลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการทำ Original Content ของตัวเองแบบที่ไม่ได้ฉายที่อื่น ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบอย่างถล่มทลายตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่าจะเป็น The Mandalorian ซีรีส์ Spin-Off ของตัวละครจากจักรวาล Star Wars ที่การันตีด้วยการได้เข้าชิงสาขาใหญ่ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมบนเวที Emmy Awards ตั้งแต่ซีซันแรก, ซีรีส์ WandaVision ของจักรวาล Marvel ที่ได้รับคำชมมากมายเช่นกัน, ซีรีส์แนวกีฬาคอเมดี้ Big Shot ที่นำแสดงโดย จอห์น สเตโมส หรือถ้าเป็นภาพยนตร์ก็มี Lady and the Tramp ที่รีเมกใหม่จากเวอร์ชันการ์ตูน แต่เป็นรูปแบบไฮบริด Live-Action ผสม CGI, ภาพยนตร์ผจญภัยเรื่อง Togo ที่นำแสดงโดย วิลเลม เดโฟ, ภาพยนตร์ Black Beauty ที่มี เคต วินสเลต มาร่วมแสดงด้วย หรือแอนิเมชันเรื่อง Soul ของ Pixar ที่ชนะรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมจากเวที Oscars ปีล่าสุด

 

 

Documentaries

รายการสารคดีถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงทุกเจ้าต้องมีเพื่อเกณฑ์คนให้มาสมัครสมาชิก ซึ่งสำหรับ Disney+ ก็ถือว่ามาเต็มในหมวดนี้ ตั้งแต่สารคดีเรื่อง On Pointe ที่เล่าเรื่องราวโรงเรียนสอนเต้นบัลเลต์อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง The School of American Ballet ในมหานิวยอร์ก, สารคดีเรื่อง The Imagineering Story ที่เผยเบื้องหลังและความเป็นมาของสวนสนุก Disneyland, สารคดีแนว LGBTQ+ ชื่อ Howard ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของ โฮเวิร์ด แอชแมน นักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงอมตะของการ์ตูน Disney อย่าง Aladdin, Beauty and the Beast และ The Little Mermaid และยังมีสารคดีใหม่แกะกล่องชื่อ Wolfgang ที่เล่าความสำเร็จของเชฟชื่อดังชาวออสเตรียน โว​ล์ฟกัง พัค ที่รังสรรค์เมนูอาหารที่เสิร์ฟในงานปาร์ตี้ของออสการ์ทุกปี

 

 

Music Lovers

แน่นอนด้วยรากฐานของ Disney ที่มีดนตรีมาเกี่ยวข้องเสมอ สำหรับ Disney+ ก็ถือว่ามีหลายรายการเพลงที่พลาดไม่ได้ เริ่มด้วย Black is King ภาพยนตร์ดนตรีของหนึ่งเดียวอย่าง Beyoncé: Queen B ที่ชนะรางวัล Grammy ไปเรียบร้อย, ซีรีส์ High School Musical: The Musical: The Series ที่ช่วยแจ้งเกิดนักร้องหญิงเบอร์หนึ่งของโลกขณะนี้อย่าง โอลิเวีย ร็อดริโก, ภาพยนตร์การแสดงบรอดเวย์ชื่อดังเรื่อง Hamilton ที่ไปนิวยอร์กกี่ครั้งก็แทบหาซื้อตัวไม่ได้ และรายการที่จะทำให้เหล่าสาวกแฟนคลับ Swifties ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ต้องดูเป็นอย่างแรกคือรายการ Folklore: The Long Pond Studio Sessions ภาพยนตร์สารคดีกึ่งคอนเสิร์ตที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของอัลบั้ม Folklore ที่ชนะรางวัล Grammy สาขาใหญ่สุดประจำปีนี้ไปได้แก่ Album of the Year

 

 

National Geographic

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ Disney+ มีความเอ็กซ์คลูซีฟ คือเป็นแหล่งรวมรายการสิ่งแวดล้อม วิทยาศาตร์ ประวัติศาสตร์ สัตว์โลก และท่องเที่ยวของช่อง National Geographic ที่ Disney เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งมีหลายรายการที่เป็นไม้เด็ด อาทิ สารคดีเกี่ยวกับวาฬชื่อ Secret of the Whales ที่ได้ เจมส์ คาเมรอน รับหน้าที่เป็น Executive Producer, รายการ Limitless with Chris Hemsworth ของพระเอกหนุ่มจากเรื่อง Thor ที่ได้ผู้กำกับสุดเท่อย่าง ดาร์เรน อโรนอฟสกี เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และซีรีส์ The World According to Jeff Goldblum ของนักแสดงชื่อดังจาก Jurassic Park ที่มีมาแล้ว 2 ซีซัน

 

 

Get Nostalgic 

ปิดท้ายด้วยหมวดที่เรามองว่าเป็นข้อได้เปรียบของ Disney+ ถ้าเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็คือมีหลายรายการที่ชวนย้อนอดีตไปตั้งแต่วัยเด็ก ถ้าหากจำกันได้เราต้องไปเช่าวิดีโอหรือวีซีดีที่ร้านอยู่เป็นประจำ อย่างเช่น ภาพยนตร์สุดคลาสสิกเรื่อง 10 Things I Hate About You, Flubber, Mrs. Doubtfire, George of the Jungle, Home Alone ที่ทางแพลตฟอร์มกำลังรีเมกใหม่อีกหนึ่งเวอร์ชัน หรือแม้แต่ซีรีส์การ์ตูน The Simpsons ก็มีอัดแน่นให้ดูกันแบบ 30 ซีซัน

 

ส่วนถ้าใครอยากย้อนกลับไปสักประมาณ 10 ปีที่แล้ว ที่ Disney สร้างซีรีส์แจ้งเกิดของศิลปินแถวหน้าของวงการทุกวันนี้ ทาง Disney+ ก็มีครบทุกเรื่อง ทั้ง Hannah Montana ของ ไมลีย์ ไซรัส, Camp Rock ของ เด​มี โลวาโต และวง The Jonas Brothers, Wizard of Waverly Place ของ เซเลนา โกเมซ หรือถ้าจะย้อนไปไกลกว่านั้นสักต้นปี 2000 ก็มีเรื่อง Lizzie McGuire ของ ฮิลารี ดัฟฟ์ ก่อนที่เธอจะดังกับเพลงอย่าง So Yesterday

 

พูดได้ว่าการเป็นสมาชิก Disney+ ถือว่าคุ้มค่าสุดๆ เพราะอัดแน่นไปด้วยรายการจากหลากหลายหมวด ซึ่งแค่ที่เราลิสต์มาให้ก็เป็นน้ำจิ้มเล็กน้อยเท่านั้น โดยยังไม่ได้ร่วมกับรายการใหม่ๆ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนผลิต และเตรียมปล่อยออกมาเร็วๆ นี้ ซึ่งแค่เห็นรายชื่อและกระแสข่าวที่ออกมาก็ถือว่าไม่ธรรมดา อย่างเช่น Original Series แรกที่จะทำกับประเทศเกาหลีใต้ก็มีข่าวว่ากำลังเล็งให้นักร้องหนุ่ม คังแดเนียล มาแสดงนำ หรือที่ประกาศออกมาแล้วก็คือซีรีส์ Spin-off ของภาพยนตร์ Black Panther ที่เกี่ยวกับประเทศวากานดา

 

 

สำหรับแพ็กเกจสมาชิก Disney+ Hotstar ราคาปีละ 799 บาท (เดือนละ 99 บาท) พิเศษสำหรับลูกค้า AIS สามารถสมัครล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 8-27 มิถุนายน พิเศษ 35 บาทต่อเดือน พร้อมรับสิทธิ์เพิ่ม 1 เดือน สมัคร *111

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising