×

ส่องแนวโน้มตลาดหุ้นจีน หลังดัชนีร่วงแรง กูรูฟันธง ‘พักฐาน’ ช่วงสั้น จับตาแรงซื้อเหวี่ยงเข้าหุ้นกลุ่มแวลู

09.03.2021
  • LOADING...
ส่องแนวโน้มตลาดหุ้นจีน หลังดัชนีร่วงแรง กูรูฟันธง ‘พักฐาน’ ช่วงสั้น จับตาแรงซื้อเหวี่ยงเข้าหุ้นกลุ่มแวลู

การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ประกาศเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ที่ 6% ซึ่งเป็นระดับที่จะช่วยให้รัฐบาลจีนมีศักยภาพในการส่งเสริมการปฏิรูป นวัตกรรม และการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง

 

นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังตั้งเป้าหมายสร้างงานใหม่ในพื้นที่เขตเมืองอีกกว่า 11 ล้านตำแหน่ง พร้อมทั้งยังกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปีนี้ลดลงเหลือ 3.2% ของ GDP เทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งขาดดุลงบประมาณที่ 3.6% ของ GDP

 

ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนยังได้ประกาศแผนกระตุ้นการบริโภคในทุกภาคส่วน และตั้งเป้าขยายการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2564-2568) รวมถึงเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้จนถึงปี 2578 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 6% แม้นักวิชาการหลายๆ คนมีความเห็นว่า เป็นตัวเลขที่อยู่ระดับค่อนข้างสูงและถือว่าเหมาะสมกับศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน แต่ในมุมของตลาดการลงทุนแล้วมองว่า ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้พอสมควร จึงทำให้ตลาดหุ้นจีนรวมทั้งตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อวานนี้ (8 มีนาคม)​ มีแรงเทขายออกมาค่อนข้างมาก

 

โดยดัชนีเซี่ยงไฮคอมโพสิตของจีนปิดตลาดวานนี้ร่วงลงราว 2.30% มาอยู่ที่ระดับ 3,421 จุด ส่วนตลาดหุ้นฮั่งเส็งของฮ่องกงปิดตลาดร่วงลง 1.92% มาอยู่ที่ระดับ 28,540 จุด

 

รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง กล่าวว่า การปรับลดลงของดัชนีหุ้นจีนและฮ่องกงมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ที่เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก รวมทั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนประกาศเอาไว้ที่ 6% ซึ่งตลาดมองว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ เพราะตัวเลขของ Bloomberg Consensus ให้ไว้สูงถึง 8.4% 

 

“ถ้าดูตัวเลขของ Bloomberg Consensus ให้ไว้สูงถึง 8.4% ในขณะที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 6% ตลาดจึงมองว่าค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ แต่ประเด็นนี้คิดว่าตลาดก็เพียงแค่หาเหตุผลในการขายทำกำไรมากกว่า เพราะตัวเลขการเติบโตที่ 6% จริงๆ ไม่ได้เป็นตัวเลขที่น้อยเลย”

 

รัฐศรัณย์กล่าวว่า ในมุมของการลงทุนแล้วเชื่อว่าระยะสั้นตลาดหุ้นจีนยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยเหล่านี้อยู่ แต่ระยะยาวแล้วมั่นใจว่ายังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเข้าไปลงทุน เพราะถ้าดูขนาดเศรษฐกิจของจีนซึ่งเวลานี้เป็นอันดับ 2 ของโลก และเริ่มมีขนาดที่ใกล้เคียงอันดับหนึ่งมากขึ้น ดังนั้นในมุมของตลาดหุ้นก็ควรจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นด้วย ภาพระยะยาวจึงเชื่อว่า ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังมีความน่าสนใจอยู่มาก แม้จะมีแรงกดดันบ้างในระยะสั้น

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่คนยังพูดถึงกันน้อยคือ การปรับปรุงการคำนวณดัชนีตลาดหุ้นฮั่งเส็ง ซึ่งปกติจะประกอบด้วยหุ้น Old Economy ประมาณ 55 ตัว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ แต่ล่าสุดทางผู้จัดทำดัชนีเตรียมเพิ่มหุ้น New Economy ในกลุ่มเทคฯ เพิ่มเข้าไปอีกรวมเป็นทั้งหมด 80 ตัว ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นฮั่งเส็งมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น โดยการจัดทำดัชนีใหม่น่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นฮั่งเส็งจึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูใกล้ชิด

 

“ระยะยาวแล้ว การลงทุนโดยอิงกับดัชนีหุ้นฮั่งเส็งยังมีความน่าสนใจอีกมาก แม้ว่าระยะสั้นจะโดนแรงกดดันจากเรื่องบอนด์ยีลด์ที่เพิ่มขึ้นบ้าง และจริงๆ แล้วการลงทุนในช่วงที่บอนด์ยีลด์ปรับเพิ่มขึ้นก็มีหุ้นบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์ เช่น หุ้นกลุ่มประกัน จะเห็นว่าหุ้นผิงอัน ซึ่งเราเคยแนะนำไปช่วงก่อนหน้านี้ก็ปรับขึ้นมาแล้วราวๆ 10%” 

 

สำหรับประเด็นความกังวลเรื่องฟองสบู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกนั้น รัฐศรัณย์กล่าวว่า ฟองสบู่ยังค่อนข้างจำกัดอยู่ในหุ้นกลุ่มเทคฯ บางตัวที่ไม่มีกำไร หรือหุ้นที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) สูงกว่า 100 เท่า เช่น หุ้นเทสลา แต่ถ้าดูหุ้นเทคฯ ของจีนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น อาลีบาบา หรือเทนเซนต์ ค่า P/E ในปัจจุบันยังอยู่เพียงราวๆ 30-40 เท่า ในขณะที่ผลดำเนินงานยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยภาพรวมจึงยังมีความน่าสนใจอยู่

 

มณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)​ วรรณ กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน หลังจากที่ดัชนีหุ้นปรับขึ้นมาต่อเนื่อง และการปรับฐานในช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่นักลงทุนเปลี่ยนกลุ่มเล่น จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมาสู่หุ้นกลุ่มแวลู 

 

“การเปลี่ยนธีมลงทุนลักษณะนี้ทำให้หุ้นอาจเข้าสู่การปรับฐานบ้าง แต่หลังจากนั้นจะเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาใหม่ ซึ่งตลาดหุ้นจีนมีเสน่ห์ตรงนี้ เป็นตลาดที่มีส่วนผสมระหว่างหุ้นเทคฯ กับหุ้นแวลู พอสมควร”

 

มณฑลบอกด้วยว่า อีกเหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนช่วงนี้เริ่มพักฐานเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 เป็นประเทศแรกๆ ทำให้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นโดนผลกระทบก่อนใคร แต่ขณะเดียวกันก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ก่อนใคร โดยจะเห็นว่าตลาดหุ้นจีนช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ซึ่งหลังจากนี้หลายๆ ประเทศ เมื่อฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว เศรษฐกิจก็มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเช่นกัน จึงทำให้นักลงทุนเริ่มที่จะมองตลาดอื่นๆ เป็นทางเลือกในการลงทุน 

 

อย่างไรก็ตาม หากเป็นนักลงทุนระยะยาวแล้ว ตลาดหุ้นจีนถือว่ายังมีความน่าสนใจอยู่มาก ดังนั้นคนที่ยังไม่มีหุ้นจีนในขณะนี้ แนะนำว่าเป็นจังหวะที่สามารถเข้าลงทุนได้ ส่วนคนที่มีหุ้นจีนอยู่มากแล้ว อาจจะรอให้ดัชนีปรับฐานอีกสักระยะ แล้วค่อยเข้าไปลงทุนเพิ่มได้เช่นกัน

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising