×

รักในสิ่งที่ทำ สร้างพื้นที่ของตัวเองได้ ทำความเข้าใจคนยุคมิลเลนเนียลกับงาน Design x Experience Presented by Sansiri XT [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
23.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS READ
  • Design x Experience Presented by Sansiri XT คืออีเวนต์ที่ชวนคุณมาทำความเข้าใจคนยุคมิลเลนเนียลผ่านการพูดคุยกับสองนักออกแบบประสบการณ์ต่างวงการอย่าง Pomme Chan (ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง) และนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ไปจนถึงการสำรวจแนวคิดเบื้องหลังที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกมิติไลฟ์สไตล์คนยุคมิลเลนเนียลอย่าง XT
  • มิลเลนเนียลเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเป็น game changer ของแบรนด์และธุรกิจต่างๆ เพราะมิลเลนเนียลจะเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ รวมไปถึงพนักงานในองค์กรรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับสังคมและเทคโนโลยีจนเกิดการ digitalize คำนี้
  • นพปฎล พหลโยธิน ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ของแสนสิริ มองว่าด้วยบริบททางสังคม มิลเลนเนียลหลายคนโตมาด้วยสภาวะที่ครอบครัวพร้อมจะซัพพอร์ต ทำให้คนกลุ่มนี้มีความมั่นใจในตัวเองและมี passionate รู้ว่าตัวเองต้องการสิ่งใดในชีวิต

คนยุคมิลเลนเนียล หรือคนเจนวาย คือกลุ่มคนที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ย่อมแตกต่างจากคนยุคก่อนหน้า แล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ อะไรคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ และอะไรคือสิ่งที่จะมาแต่งแต้มให้ชีวิตมีสีสันยิ่งขึ้น

 

 

นี่คือโจทย์ตั้งต้นของ Sansiri Talk Series: Design x Experience Presented by Sansiri XT อีเวนต์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานร่วมกับคนยุคใหม่ไปจนถึงการสำรวจแนวคิดเบื้องหลังที่อยู่อาศัยดีไซน์เนี้ยบที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกมิติไลฟ์สไตล์คนยุคมิลเลนเนียล นำโดย อู้-นพปฎล พหลโยธิน ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย Sansiri Creative Studio พร้อมเชิญสองนักออกแบบประสบการณ์จากสองวงการมาร่วมพูดคุยได้แก่ ปอม-ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือ Pomme Chan อิลลัสเตรเตอร์ผู้มีผลงานออกแบบร่วมกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย และเคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว THE STANDARD โดยมี ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง เป็นผู้ดำเนินรายการ

 

Design The Experience

การพูดคุยในช่วงแรกกับสองแขกรับเชิญเป็นไปอย่างสนุกสนาน โดยเริ่มต้นจากที่ทั้งคู่ได้เล่าถึงประสบการณ์และข้อคิดจากการทำงานไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์ในการเล่าเรื่องอย่างเข้าใจคนรุ่นใหม่

 

ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือ Pomme Chan กล่าวว่าสิ่งสำคัญในการทำงานสำหรับการทำงานของตัวเองคือแพสชัน ทุกวันมีความท้าทายรออยู่ เพราะเป็นงานในสาขาที่ตัวเองรัก ขณะเดียวกันก็ต้องมีสติกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและรู้จักการแบ่งเวลา ปลดเปลื้องความนึกคิดถึงงานลงในแต่ละวันหากเลยเวลางานแล้ว เพื่อที่จะได้รักษาสุขภาพจิตใจให้ปลอดโปร่งและพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงาน

 

“ส่วนตัวปอมจะมีการปล่อยวางความคิดถึงงานในทุกวันให้เป็นเวลา เหมือนกับเราแบกก้อนหินหนักๆ เราจะค่อยๆ วางก้อนหินลงทีละก้อนหลังจากหมดเวลางาน สักประมาณหนึ่งทุ่มเราก็จะโล่งแล้ว พอถึงเวลานอนเราก็จะได้พักผ่อนเต็มที่”

 

ส่วนปัญหาในการทำงานนั้น ปอมจะแบ่งปัญหาเป็นสองประเภท ได้แก่ ปัญหาที่แก้ได้ และปัญหาที่แก้ไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวจะมีคติประจำใจว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป หรือ This too shall pass. และต้องจัดลำดับความสำคัญให้เป็น

 

ด้าน เคน นครินทร์ เสริมว่าปัญหาในการทำงานเป็นสิ่งที่ปกติและทุกบริษัทใหญ่ๆ ในโลกปัจจุบันต่างมองปัญหาเป็นสะพานเชื่อมสู่การสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ เช่นเดียวกับ pain point ของแท็กซี่ที่ส่งผลให้เกิดแบรนด์อย่าง Grab หรือ Uber ขึ้น โดยเคนมักจะแบ่งปันข้อคิดกับทีมงานคนรุ่นใหม่ว่า ในการทำงาน เราอยู่ในจุดนั้นได้เพราะมีคนต้องการให้เราแก้ปัญหา และเราควรจะวิเคราะห์ปัญหาให้เป็น

 

 

เคนเสริมด้วยว่าการทำสื่อในปัจจุบันเป็นยุคที่เป็น human-centric อย่างแท้จริง และการรับมือกับฟีดแบ็กไม่ว่าดีหรือร้ายเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ได้ โดยส่วนตัวเขามักมองฟีดแบ็กที่เป็นการติเพื่อก่อ ซึ่งเป็นประโยชน์และจะสามารถทำให้บริษัทเดินหน้าไปในจุดที่ดีขึ้นได้ และหากเกิดความผิดพลาดหรือเกิดประเด็นที่อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา เคนบอกว่าหลักการรับมือของเขาคือการยอมรับ ขอบคุณ ขอโทษ และใจเย็นๆ

 

“เวลาที่คนมาเขามาว่าเรา มาตำหนิเรา จริงๆ แล้วทุกคนแค่ต้องการคำว่าขอโทษเท่านั้นล่ะครับ ถ้าเราขอโทษเขาด้วยความจริงใจแล้วนำไปปรับปรุงตัว ปัญหาทุกอย่างมันก็จบ แต่ถ้าเขาร้อนมาแล้วเรายิ่งร้อนกลับ ปัญหามันก็จะบานปลาย”

 

สำหรับเรื่องสไตล์และความเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงวิธีการเล่าเรื่องสู่คนยุคมิลเลนเนียล เคนกล่าวว่าตัวเขาเชื่อใน core value มากกว่า กล่าวคือรู้ว่าตัวเองเป็นใคร และรู้ว่าผู้รับสารหรือลูกค้าของเราเป็นใคร สิ่งนี้จะทำให้คุณค่าของบริษัทเด่นชัด และเรื่องสไตล์จะตามมาเอง ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาคุณภาพของงานที่เกิดจากความรักในการสร้างผลงานอีกด้วย ซึ่งเคนมีความรักในวิชาชีพสื่อแม้ไม่ได้เรียนมาโดยตรง เพราะเห็นว่าสื่อมีฟังก์ชันบางอย่างต่อสังคม ทำให้ตนเกิดความภูมิใจ

 

 

เช่นเดียวกับปอมที่บอกว่าออฟฟิศของเธอเองก็ไม่มีสไตล์งานที่ตายตัวเช่นกัน แต่ทุกอย่างมาจากประสบการณ์และโจทย์ในแต่ละครั้ง ปอมกล่าวว่าหากเรารู้ว่าเราทำงานชิ้นนั้นๆ ไปเพื่อใคร เพื่ออะไร งานจะมีขอบเขตที่ชัดเจนไปจนถึงเรื่องที่เป็นเทคนิคการผลิตและเทคนิคการคิดงาน ซึ่งจะส่งผลให้ขั้นตอนการทำงานมีความชัดเจนขึ้น จากนั้นก็เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์งานศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนในบริษัทของเธอรักและตั้งใจทำเต็มที่เช่นกัน

 

“คำถามแรกเลยที่ปอมจะถามน้องๆ ในออฟฟิศเวลาเริ่มต้นงานสักโปรเจกต์คือเราทำไปเพื่ออะไร ถ้าเรารู้ว่าเราทำงานชิ้นนี้โดยมีโจทย์แบบนี้ชัดเจน เราก็จะสามารถคิดเรื่องวัสดุที่ต้องใช้สเกลขององค์ประกอบต่างๆ ไปจนถึงเรื่องเทคนิคอื่นๆ ถ้าเราตั้งไว้แบบนี้ เราก็จะไม่ต้องทำงานสองรอบ”

 

การพูดคุยในช่วงแรกจบไปด้วยการสรุปเนื้อหาถึงความรักในสิ่งที่ทำ รู้จักลูกค้า และรู้คุณค่าของงานตัวเองภายใต้บรรยากาศที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟัง และไม่นานการพูดคุยช่วงที่สองก็เริ่มขึ้น

 

ผมเคยอ่านเจอมาว่าทุกแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในโลกล้วนเริ่มต้นด้วยคำถามว่า Why เวลาที่เรารู้ว่าแบรนด์ของเรามีไปเพื่ออะไร แล้วคำถามอื่นๆ อย่าง What หรือ How มันจะตามมาทีหลังเอง

 

Experience The Design

“ถ้าผมขายของมากเกินไป บอกได้นะครับ” อู้-นพปฎล พหลโยธิน ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ของแสนสิริ และสปีกเกอร์ในช่วงที่สองเกริ่นนำ ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะและบรรยากาศผ่อนคลายในงานแก่ผู้ชมไม่น้อย

 

 

แต่อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ถึงแม้วันนี้จุดเด่นของงานจะต้องเป็น XT Condominium แต่สิ่งที่ผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์นำเสนอนั้นเป็นแนวคิดเบื้องหลังที่น่าสนใจ นอกจากประสบการณ์ส่วนตัวในการไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ที่เขาเห็นว่าในปัจจุบันสถานที่ที่มีโปรแกรมและสตอรีที่ดีสำคัญไม่น้อยไปกว่าความสวยงาม และอีกอย่างที่ผลักดันให้เกิดโครงการ XT ขึ้นมาคือไลฟ์สไตล์ของกลุ่มมิลเลนเนียล

 

มิลเลนเนียลเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าจะเป็น game changer ของแบรนด์ธุรกิจต่างๆ เพราะมิลเลนเนียลจะเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ รวมไปถึงพนักงานในองค์กรรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับสังคมและเทคโนโลยีที่มีการ digitalize ซึ่งคำนี้น่าจะถูกยกสู่สายตาชาวโลกมากที่สุดในตอนที่ขึ้นปกนิตยสาร Time ฉบับเดือนพฤษภาคม ปี 2013

 

 

อู้ยังกล่าวว่าหลายๆ คนมองมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มลูกค้าที่เอาใจยาก ทำตามความคิดของตนเองเป็นหลัก และไม่ค่อยมี brand loyalty มากนัก ซึ่งตัวเขากลับมองว่าด้วยบริบททางสังคมแล้ว มิลเลนเนียลหลายคนโตมาด้วยสภาวะที่ครอบครัวพร้อมจะซัพพอร์ต ทำให้คนกลุ่มนี้มีความมั่นใจในตัวเองและมีความ passionate รู้ว่าตัวเองต้องการสิ่งใดในชีวิต รวมทั้งเทคโนโลยีที่เข้ามา พวกเขาสามารถสร้างพื้นที่ของตัวเองได้ทั้งผ่านการถ่าย ตกแต่ง เขียน แชร์ต่างๆ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า work smart play hard ขึ้นในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล อาชีพใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ ตามมา

 

“ผมเองก็อาจจะเป็นมิลเลนเนียลคนหนึ่ง อาจจะเป็นรุ่นแรกเลยก็ว่าได้ เพราะตอนที่เราโตมา เราก็รู้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต ทั้งตอนเรียนและตอนทำงาน อะไรที่เราชอบหรือไม่ชอบ เราจะรู้ตัว เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ในจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

 

หลังผ่านประสบการณ์โชกโชนในแวดวงออกแบบ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาอู้ได้ก้าวเข้ามาเป็นประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ของแสนสิริ และเป็นผู้นำทีมในการออกแบบคอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่ในเครือเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคมิลเลนเนียลโดยเฉพาะ

 

 

เบื้องหลังของแนวคิด Extend Your Style ในโปรเจกต์ของ XT Condominium ซึ่งแบ่งไลฟ์สไตล์ของมิลเลนเนียลเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ Naturalist, Visionary, Party Goer และ Snoozy Head ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มมีผลต่อการออกแบบเลย์เอาต์ห้องที่แตกต่างกัน และกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้มีโอกาสได้เลือกห้องที่เหมาะกับบุคลิกของตัวเองตามไลฟ์สไตล์นั่นเอง

 

“บางคนอาจจะชอบปลูกต้นไม้ บางคนชอบปาร์ตี้ บางคนสนใจสตาร์ทอัพ หรือบางคนอาจจะชอบอยู่ติดเตียงแล้วหลอกหัวหน้าว่ากำลังทำงานอยู่ก็มี เราให้ความสนใจกับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้และพยายามทำความเข้าใจให้ดีที่สุด”

 

 

ถึงอย่างนั้นมิลเลนเนียลที่มีชีวิตผ่านหน้าจอและสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลายคนได้กลายเป็น ‘ผู้แสวงหาประสบการณ์’ มีงานวิจัยหลายชิ้นบ่งบอกว่ามิลเลนเนียลเป็นเจเนอเรชันที่รักการปาร์ตี้หรือการไปคอนเสิร์ตเพื่อแสวงหาประสบการณ์เชื่อมต่อกับคนหมู่มาก หรือพูดอีกอย่างว่าในความเป็นส่วนตัวที่เกิดขึ้นทำให้บางครั้งพวกเขามีความเหงาเป็นฉากกั้นไม่ต่างกับผนังคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้าที่ใด

 

 

“มิลเลนเนียลมักเป็น experience seeker เพราะว่าเขาได้เสพข้อมูลต่างๆ ผ่านหน้าจอมากมาย แต่ว่าที่สุดแล้วมันก็ไม่มีอะไรสามารถแทนความเป็นจริงได้ มิลเลนเนียลจึงต้องการแสวงหาประสบการณ์ที่จับต้องได้ หรือการมีประสบการณ์ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคม”

 

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารจากแสนสิริบอกว่าเป็นที่มาของแนวคิดในการพัฒนา co-sharing facilities ของทุกโครงการซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน แต่ว่าผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ข้ามโครงการกันได้เป็น node ของกิจกรรมที่ต่อยอดไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ (เช่น สตูดิโอถ่ายรูปสำหรับผู้ประกอบอาชีพที่ต้องใช้การถ่ายรูปสินค้า) เช่นเดียวกับการเกิด co-working space ที่นำร่องมาก่อนหน้านี้ในสังคม เหล่านี้แสดงถึงความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของแสนสิริเป็นอย่างดี

 

อู้ (ซึ่งจำกัดความว่าตัวเองเป็นมิลเลนเนียลรุ่นแรกๆ ก่อนที่จะมีคำนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ) ทิ้งท้ายถึงมิลเลนเนียลรุ่นน้องว่าขอให้เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง และนำความเชี่ยวชาญของตนไปสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่สังคม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้มิลเลนเนียลที่แม้จะรู้ว่าตนต้องการอะไร แต่บางครั้งยังขาดความมั่นใจ ให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

“ขอให้ใช้ความมั่นใจในตัวเอง ความเข้าใจความต้องการของตัวเองไปเป็นแรงผลักดันในการศึกษาสิ่งนั้นและนำมาสร้างสิ่งดีๆ แก่สังคม แล้วไม่ว่าคนเจเนอเรชันไหนที่มาก่อนหรือตามหลังคุณมาจะเห็นคุณค่าของคุณและงานของคุณเองครับ”

 

อ้างอิง:

FYI
  • XT Condominium คอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์แบรนด์ล่าสุดจากแสนสิริที่ให้คุณพบรูปแบบห้องที่เลือกเองได้ พร้อมแชร์ส่วนกลางกับทุก XT Condominium เปิดขายพร้อมกันทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ XT เอกมัย, XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท ที่งาน XT Dimension วันที่ 3-5 สิงหาคมนี้ ณ ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/xt/th/
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising