×

รัฐบาลแนะประชาชน ข้อควรรู้ พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ฯ ทวงได้วันละ 1 ครั้ง เจ้าหนี้ข่มขู่-ดูหมิ่น-ทำร้าย มีโทษจำคุก

โดย THE STANDARD TEAM
20.11.2022
  • LOADING...

วันนี้ (20 พฤศจิกายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่างถึงกรณีที่หน่วยงานภาครัฐและธนาคารพาณิชย์ได้ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการหลอกลงทุนและการปล่อยกู้ผ่านออนไลน์ แต่ยังคงมีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ

 

โดยที่พบมากขึ้นคือการที่แก๊งมิจฉาชีพส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ทวงถามหนี้เงินกู้ พร้อมชักชวนให้ทำการกู้เงินในวงเงินเพิ่มเติม จึงขอแนะนำให้ประชาชนหากถูกแก๊งทวงหนี้แอบอ้าง ข่มขู่ ตั้งสติให้ดี แล้วทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย เพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง

 

รัชดากล่าวต่อไปว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ได้รวบรวมข้ออ้างที่คนทวงหนี้ใช้บ่อย ซึ่งมักอ้างกฎหมายมาขู่ให้ลูกหนี้กลัว ดังนั้นสิ่งที่ลูกหนี้ต้องรู้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ เช่น

 

  1. การขู่ว่าเป็นหนี้ไม่จ่ายจะติดคุก ซึ่งความจริงคือการไม่จ่ายหนี้ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายอาญา แต่เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้

 

  1. จะมีการยึดทรัพย์ทันทีถ้าไม่จ่าย ซึ่งความจริงคือเจ้าหนี้ต้องฟ้องร้องต่อศาลจนคดีถึงที่สุดก่อน

 

  1. การโทรทวงเช้า กลางวัน เย็น ไม่สามารถทำได้ กฎหมายให้ทวงหนี้ได้วันละ 1 ครั้งเท่านั้น

 

ทั้งนี้ ถ้าประชาชนถูกทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 ลูกหนี้สามารถร้องเรียนหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร. 1213 โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่า การติดตามทวงหนี้ซึ่งมีลักษณะการพูดจาข่มขู่ ดูหมิ่น การเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ การใช้ความรุนแรงทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย อาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

 

ส่วนผู้ที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาท และการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising