×

หัวหน้าตีเนียนชอบใช้ให้ไปทำงานส่วนตัวให้ จะทำอย่างไรดีคะ

10.10.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • ผมคิดว่าปัญหาอย่างหนึ่งของคนไทยคือเราได้รับการหล่อหลอมให้มีน้ำใจกันจนฝังรากอยู่ในดีเอ็นเอว่าคนไทยมีน้ำใจให้กัน แต่ปัญหาก็คือเวลาเราคาดหวังให้ใครๆ ก็ต้องมีน้ำใจกับเราจนลืมไปว่าเราคาดหวังให้คนเป็นแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ และบางคนก็ใช้การคาดหวังนี้มาบีบให้คนอื่นต้องช่วย ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจ
  • เรามีน้ำใจได้ แต่ต้องไม่ทำร้ายตัวเอง หรือเป็นน้ำใจที่ไปทำร้ายคนอื่น เราต้องไม่โดนเอาเปรียบด้วย ถ้าเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น งานบุญ งานบวช แล้วหัวหน้าต้องการแรงงาน ผมคิดว่าเราสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้ครับ แต่ถ้าเป็นงานส่วนตัวของหัวหน้า แล้วหัวหน้าใช้ให้เราทำในเวลางานของบริษัท ผมคิดว่าหัวหน้ากำลังเอาเปรียบคุณและเอาเปรียบบริษัทอยู่ อันนี้ไม่ถูกต้องแน่นอนครับ
  • เราต้องคิดใหม่ก่อนว่าลูกน้องสามารถปฏิเสธได้นะครับถ้าหัวหน้าทำผิด เพราะถ้าเขาทำผิดและเราทำตาม อย่างไรเราก็ผิดไปด้วย ถ้าหัวหน้าคิดได้หรือเกรงใจคุณก็ดีไปครับ แต่ถ้ามีปฏิกิริยาทางลบ เช่น ต่อว่าคุณว่าไม่มีน้ำใจ หรือใช้อำนาจบีบคุณ เอาเรื่องนี้ไปบอก HR หรือคนที่เป็นหัวหน้าของหัวหน้าคุณเลยครับ ถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้องเสียอย่างก็ไม่ต้องกลัว ให้มันรู้กันไป

Q: มีหัวหน้าที่ชอบใช้เราให้ไปทำงานส่วนตัวให้ แรกๆ ก็งานเล็กๆ น้อยๆ แต่หลังๆ นอกจากงานที่บริษัทซึ่งเยอะมากแล้วยังโยนงานส่วนตัวมาให้เราจัดการอีก ที่จริงมันก็เกินขอบเขตงานที่เราคุยกันนั่นแหละค่ะ แต่ก็กลัวหัวหน้าหาว่าแล้งน้ำใจ อีกอย่างก็ไม่สามารถขัดได้ด้วย ทักท้วงไปเขาจะว่าเราได้ ควรทำอย่างไรดีคะ

 

A: ทุกปัญหาแก้ไขได้ครับ แต่ก่อนจะเข้าปัญหา มันน่าจับเขย่าตัวให้มีสติทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้องจริงๆ เลยครับ ฮ่าๆ มา! ไหนๆ ก็รู้ว่ามันผิดแล้ว เรามาทำให้มันถูกดีกว่า

 

จริงอยู่ว่าหัวหน้ากับลูกน้องข้องเกี่ยวกันในเรื่องงาน แต่ถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีพร้อมกับมีผลงานที่ดีด้วย ชีวิตการทำงานของเราและหัวหน้าก็จะราบรื่น สิ่งที่ผมจะบอกก็คืออย่ามีความสัมพันธ์เพียงเพราะเรื่องงานอย่างเดียวจนลืมใส่ความเป็นมนุษย์ลงไปในนั้นด้วย ความเป็นมนุษย์ในที่นี้คือความห่วงหาอาทร การให้เกียรติกัน การมีน้ำใจให้แก่กันนี่แหละครับ

 

เรามาว่ากันด้วยเรื่อง ‘น้ำใจ’ กันหน่อยดีกว่า ผมคิดว่าปัญหาอย่างหนึ่งของคนไทยเท่าที่ผมเคยพบและอยากจะแบ่งปันก็คือเราได้รับการหล่อหลอมให้มีน้ำใจกันจนฝังรากอยู่ในดีเอ็นเอว่าคนไทยมีน้ำใจให้กัน ซึ่งเป็นเรื่องดีมากเลยครับ แต่ปัญหาก็คือเวลาเราไปคาดหวังให้ใครๆ ก็ต้องมีน้ำใจกับเราจนลืมไปว่าเราคาดหวังให้คนเป็นแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ และบางคนก็ใช้การคาดหวังนี้แหละมาบีบให้คนอื่นต้องช่วย เช่นเดียวกัน บางคนก็รู้สึกผิดอีกถ้าจะไม่ช่วย เพราะเดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจ

 

แทนที่เราทุกคนจะมีความสุขจากการแบ่งปันน้ำใจกัน มันเลยกลายเป็นว่าทุกคนทุกข์หมด ทุกข์ทั้งจากการคาดหวังว่าคนอื่นต้องมีน้ำใจให้เรา พอไม่ช่วยก็บอกว่าไม่มีน้ำใจ ทุกข์ทั้งจากการใช้การมีน้ำใจมาเป็นข้ออ้างทางอำนาจเพื่อบีบบังคับให้คนอื่นต้องทำตาม ทุกข์ทั้งจากการรู้สึกว่าไม่ช่วยก็ผิด ช่วยก็ทุกข์ และบางคนก็ไม่ได้ทำตัวให้อยากช่วยเหลือเอาเสียเลย

 

ที่เล่ามานี้ไม่ได้จะบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมีน้ำใจให้แก่กันหรือเราจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้แล้ว แต่ผมอยากให้การมีน้ำใจกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับคนที่ให้และคนที่รับจริงๆ คนที่ให้ก็ให้ด้วยใจ ไม่ใช่ให้เพราะโดนสั่งหรือถูกคาดหวัง คนที่รับก็รับด้วยความขอบคุณ เห็นคุณค่า และหาโอกาสที่จะมีน้ำใจกลับไป

 

เพราะฉะนั้นผมว่าเราลองไม่คาดหวังให้ใครต้องมีน้ำใจกับเราก่อน เรายืนของเราให้ได้ก่อน แต่ถ้ารู้สึกว่าต้องการความช่วยเหลือ เราเอ่ยปากขอความช่วยเหลือได้ แต่ต้องสุภาพ ไม่ใช่ไปคาดหวังหรือบีบบังคับให้เขาต้องมาช่วย เขาไม่ช่วยก็ไม่โกรธ เขาช่วยก็ซาบซึ้งกับน้ำใจที่เขาให้มา เช่นเดียวกัน ถ้าเราจะมีน้ำใจให้ใครก็ให้ไปแบบที่เราคิดแล้วว่าจะไม่เดือดร้อน เราช่วยเขาได้ แต่อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะซาบซึ้งใจ เอาว่าเราช่วยเขาแล้ว จบ ถ้าเขาขอบคุณก็ถือว่าเป็นโบนัส เราช่วยเขาก็เพราะเราเห็นว่าการช่วยเป็นเรื่องดี ไม่ใช่ช่วยเพราะเราอยากให้เขาสำนึกบุญคุณ ผมคิดว่าพอเราไม่มีความคาดหวังให้แก่กันแล้ว เราน่าจะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับที่มีความสุขจากน้ำใจได้นะครับ

 

เรามีน้ำใจได้ แต่ต้องไม่ทำร้ายตัวเอง และเป็นน้ำใจที่ไปทำร้ายคนอื่น เราต้องไม่โดนเอาเปรียบด้วย ถ้าเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้มาบ่อยๆ เช่น งานบุญ งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ฯลฯ แล้วหัวหน้าต้องการแรงงาน ต้องการคนช่วย ผมคิดว่าเราสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้ครับ มันอาจจะเกินขอบเขตงาน แต่อันนี้เราช่วยกันได้ แต่ถ้าเป็นงานส่วนตัวของหัวหน้าและหัวหน้าใช้ให้เราทำในเวลางานของบริษัท ผมคิดว่าหัวหน้ากำลังเอาเปรียบคุณและเอาเปรียบบริษัทอยู่ อันนี้ไม่ถูกต้องแน่นอนครับ ถ้าเป็นนอกเวลางานและไม่เบียดบังการทำงานของบริษัทก็ว่าไปอย่าง หรือจ้างคุณเป็นเรื่องเป็นราวให้ช่วยงานส่วนตัวนอกเวลาทำงานก็น่าจะถูกต้องกว่า ไม่อย่างนั้นหัวหน้าก็จะตีเนียนใช้ลูกน้องทำงานของตัวเองแบบฟรีๆ ด้วย เอาเปรียบกันเห็นๆ

 

เรื่องนี้เราต้องปกป้องตัวเองก่อนครับ อย่างแรกคือเราต้องคิดใหม่ก่อนว่าลูกน้องสามารถปฏิเสธได้นะครับถ้าหัวหน้าทำผิด เพราะถ้าเขาทำผิดและเราทำตาม อย่างไรเราก็ผิดไปด้วย ผมคิดว่าคุณน่าจะบอกหัวหน้าไปตรงๆ นะครับว่า หัวหน้าคะ ตอนนี้งานของบริษัทที่หัวหน้ามอบหมายให้ต้องมาก่อนนะคะ ดิฉันขอรับผิดชอบงานส่วนนี้ให้ดีก่อน อาจจะทำให้หัวหน้าคิดได้หรือเกรงใจคุณ นั่นก็ดีไปครับ แต่ถ้ามีปฏิกิริยาทางลบกับคุณ เช่น ต่อว่าคุณว่าไม่มีน้ำใจ หรือใช้อำนาจบีบคุณ ผมคิดว่าดีเลยครับ เข้าทาง เอาเรื่องนี้ไปบอก HR หรือคนที่เป็นหัวหน้าของหัวหน้าคุณเลยครับ ถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้องเสียอย่าง เราก็ไม่ต้องกลัว ให้มันรู้กันไป

 

บางคนอาจจะไม่กล้าปฏิเสธและทำทุกอย่างตามที่หัวหน้าสั่ง เพื่อที่จะได้ไม่ขัดใจหัวหน้า หรือทำเพราะอยากเป็นคนโปรดของหัวหน้า แต่ต้องกลับมาดูครับว่าเรากำลังเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เดือดร้อนหรือเปล่า แล้วเวลาที่มีเรื่องขึ้นมา แน่ใจได้หรือเปล่าครับว่าหัวหน้าจะปกป้องเรา เรื่องนี้เราไม่รู้ได้เลย เราต้องดูแลตัวเองไม่ให้อยู่ในอันตรายก่อนดีกว่า

 

เพราะฉะนั้นหลักการของเรื่องนี้คือถ้าเรื่องที่ขอให้ช่วยไม่เกี่ยวกับงานของบริษัท แต่เป็นงานส่วนตัวของหัวหน้า และต้องเบียดบังเอาเวลางานบริษัทไปทำ อันนี้ผิดแน่นอนครับ รีบกันตัวเองออกจากความผิดก่อน ไม่อย่างนั้นจะซวยไปด้วย ถ้าหัวหน้าจะจ้างคุณทำงานส่วนตัวก็จ้างได้ แต่ต้องไม่เสียงานประจำ และต้องไม่ใช้ทรัพยากรของบริษัทไปทำงานส่วนตัว สิ่งที่คุณควรทำคือรู้จักปฏิเสธให้เป็น การปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้องและทำให้เราเดือดร้อนไม่ได้แปลว่าเราไม่มีน้ำใจ แต่แปลว่าเรายืนอยู่บนความถูกต้อง ระหว่างโดนด่าว่าไม่มีน้ำใจกับโดนด่าว่าทุจริต ผมว่าอันหลังร้ายแรงกว่าเยอะเลยครับ

 

ที่น่าตั้งคำถามก็คือวัฒนธรรมองค์กรแบบไหนที่หล่อหลอมให้เกิดความรู้สึกว่าลูกน้องไม่สามารถปฏิเสธหัวหน้าได้ องค์กรหรือหัวหน้าที่ทำให้เกิดความกลัวในหมู่ลูกน้องและทำให้หัวหน้ากล้าใช้อำนาจกดขี่ลูกน้องในทางมิชอบได้ องค์กรนั้นมีปัญหาแล้วนะครับ

 

แต่ถ้าคุณกล้าปฏิเสธสิ่งที่ผิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทำให้เห็นว่าปัญหาคืออะไร ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะไปช่วยให้ลูกน้องคนอื่นๆ กล้าตามคุณ เปลี่ยนคนกลัวให้กลายเป็นคนกล้ากันเถอะครับ

 

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

 

*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising