นับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญของวงการสื่อมวลชน หลังช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่น ‘ดาฟเน คารัวนา กาลิเซีย (Daphne Caruana Galizia)’ นักข่าวหญิงชาวมอลตา วัย 53 ปี เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารด้วยคาร์บอมบ์ ปิดเส้นทาง 30 ปีนักวารสารศาสตร์ผู้กล้าหาญ
แน่นอนว่าคดีฆาตกรรมของกาลิเซียในครั้งนี้มีเงื่อนงำและความไม่ชอบมาพากลในหลายๆ ประเด็น เนื่องจากเธอเป็นที่รู้จักในนามนักสื่อสารมวลชนหญิงผู้กล้าหาญเพียงหนึ่งเดียวที่กล้ายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกรณีการเปิดโปงข้อมูลการทุจริตและการคอรัปชัน ‘ปานามา เปเปอร์ส (Panama Papers)’
เชื่อกันว่าผู้ก่อเหตุไร้มนุษยธรรมในครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเหล่าผู้มีสี ผู้มีอิทธิพลที่ได้รับผลกระทบจากการ ‘แฉ’ ข้อมูลการทุจริตโดยกาลิเซีย และเกิดความแค้นแบบฝังลึก จนตัดสินใจวางแผนลอบปลิดชีพเธอแบบโหดเหี้ยมและเลือดเย็นในที่สุด
หลังการจากไปของกาลิเซีย ชาวมอลตาจำนวนหลายพันคนต่างเศร้าโศกเสียใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก และได้ร่วมออกมาจุดเทียนไว้อาลัยให้กับเธอตามท้องถนนต่างๆ ในประเทศมอลตาเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่สหภาพยุโรป หรืออียู (EU) ได้ออกมาประณามการกระทำในครั้งนี้และเรียกร้องให้เกิดกระบวนการยุติธรรมหาผู้ก่อเหตุมารับโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด
รู้จัก ‘ดาฟเน คารัวนา กาลิเซีย’ นักข่าวหญิงผู้กล้าหาญจากประเทศเล็กๆ ในยุโรป
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1987 ดาฟเน คารัวนา กาลิเซีย หญิงสาวชาวมอลตา วัย 23 ปี ตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่วงการสื่อสารมวลชนด้วยการเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์ในประเทศ Sunday Times of Malta ก่อนที่เธอจะเติบโตในหน้าที่การงานเรื่อยๆ และก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการของ Malta Independent ในเวลาต่อมา
คล้อยหลังได้ไม่นาน กาลิเซียตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว แต่ยังคงมีงานเขียนในฐานะคอลัมนิสต์ออกมาอยู่เรื่อยๆ กระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอได้จัดทำบล็อกข่าวของตัวเองในนาม Running Commentary และเดินหน้าเผยแพร่บทความข่าวการเมืองออกมาเป็นส่วนใหญ่
ผลงานชิ้นโบแดงของเธอในเส้นทางนักวารสารศาสตร์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 หลังเปิดโปงข้อมูลการทุจริตและการคอรัปชันของผู้มีอิทธิพลในประเทศมอลตากับการถือครองบริษัทนอกอาณาเขต (Offshore Company) เพื่อทำการฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี และปกปิดข้อมูลส่วนตัวซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีปานามา เปเปอร์ส จนเป็นเหตุให้เกิดการสืบสวนผู้มีอิทธิพลของมอลตาครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา
ว่ากันว่าเธอเป็นนักข่าวมอลตาคนแรกและคนเดียวในช่วงเวลาดังกล่าวที่กล้ายืนหยัดออกมาต่อต้านผู้มีอิทธิพลด้วยการแฉข้อมูลการกระทำผิดของพวกเขาเหล่านั้น
กาลิเซียเผยข้อมูลสำคัญในบล็อก Running Commentary ว่า นายคอนราด มิซซี (Konrad Mizzi) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมอลตา และนายคีธ เชมบรี (Keith Schembri) หัวหน้าทีมงานในคณะรัฐมนตรีของนายโจเซฟ มัสแคต (Joseph Muscat) มีความเชื่อมโยงบางอย่างกับกรณีปานามา เปเปอร์ส เนื่องจากทั้งคู่ได้รับความนับหน้าถือตาในประเทศนิวซีแลนด์และน่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทในปานามาขึ้นมาอย่างลับๆ เพื่อปกปิดกรณีการทุจริตได้ไม่ยาก
กระทั่งเดือนเมษายน ปี 2016 ก็มีการยืนยันว่าทั้งมิซซีและเชมบรีเปิดบริษัทในประเทศปานามาในชื่อ บริษัท เฮิร์นวิลล์ (Hearnville), บริษัท ทิลล์เกต (Tillgate) และบริษัท โอไรออน (Orion) จริงๆ
ในเวลาต่อมา กาลิเซียได้สืบสาวความไม่โปร่งใสดังกล่าวเพิ่มเติมก่อนแฉว่า มิเชล มัสแคต (Michelle Muscat) ภรรยาของนายโจเซฟ นายกรัฐมนตรีมอลตา และสมาชิกคณะรัฐบาลก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีพฤติกรรมทุจริตเช่นกัน โดยเชื่อว่าเธอเป็นผู้จัดตั้งบริษัท Egrant ในประเทศปานามา ก่อนที่ทั้งมิเชลและโจเซฟจะรีบออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวแบบทันควัน
ผลพวงจากการแฉของกาลิเซียทำให้โจเซฟต้องออกมาประกาศเลือกตั้งทั่วไปของมอลตาในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ที่สุดแล้วผลการเลือกตั้งครั้งดังกล่าวก็ยังลงเอยด้วยชัยชนะของพรรคแรงงาน Partit Laburista ของนายโจเซฟอยู่ดี ขณะที่เจ้าตัวยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศตามเดิมต่อไป ส่วนคอนราดก็แค่เปลี่ยนจากเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีโยกมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี จากการเปิดเผยกรณีการทุจริตในครั้งนั้นทำให้กาลิเซียได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก ทั้งยังได้รับฉายาต่างๆ นานา ไม่ว่าจะ ‘หญิงเดี่ยววิกิลีกส์ (one-woman WikiLeaks)’ หรือ ‘บล็อกเกอร์ผู้เกรี้ยวกราด (the blogging fury)’ โดยเธอยังได้รับการยกย่องจากสำนักข่าวการเมือง Politico ในสหรัฐอเมริกาให้เป็นหนึ่งใน 28 บุคคลผู้สร้างความสั่นสะเทือน การเปลี่ยนแปลงและปลุกเร้ายุโรปในปีที่ผ่านมาอีกด้วย ทั้งยังก่อให้เกิดการจับตาเพ่งเล็งการทำงานของคณะรัฐบาลยุคนายโจเซฟจากประชาชนในประเทศเป็นพิเศษ
เกิดอะไรขึ้นกับกาลิเซียในลมหายใจเฮือกสุดท้าย?
หลังเผยแพร่บทความชิ้นสุดท้ายบนบล็อก Running Commentary ว่าด้วยการรายงานข่าวกรณีการขึ้นให้การต่อศาลของนายเชมบรี หัวหน้าทีมงานในคณะรัฐมนตรีของนายโจเซฟเมื่อช่วงเวลา 14.35 น. ของวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม กาลิเซียได้ขับรถเช่า รุ่น Peugeot 108 ออกมาจากบ้านพักของเธอในมอสตา เมืองทางตอนเหนือของประเทศ
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รถของกาลิเซียก็เกิดระเบิดขึ้นทันที ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถแฮทช์แบ็ก 5 ประตูคันงามระเบิดออกไปคนละทิศละทางบนถนน เหลือเพียงซากเหล็กสภาพย่อยยับที่แทบไม่น่าเชื่อว่ามันเคยถูกเรียกว่า ‘รถยนต์’ มาก่อน เช่นเดียวกับร่างไร้ลมหายใจและชิ้นส่วนอวัยวะของกาลิเซียท่ีกระจัดกระจายบนท้องถนนแบบไม่มีชิ้นดี
เชื่อกันว่าคนร้ายได้ติดตั้งระเบิดไว้ที่รถของเธอก่อนที่มันจะทำงาน และก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าครั้งนี้ขึ้น
ฟรานซ์ ซานต์ (Frans Sant) พยานในที่เกิดเหตุและผู้ขับรถในเลนตรงข้ามกับทางที่รถกาลิเซียกำลังมุ่งหน้าไปให้การว่า “ผมเห็นระเบิดเล็กๆ เกิดขึ้นที่รถคันนั้น หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีมันก็เกิดระเบิดระลอกใหญ่ขึ้น รถคันนั้นร่วงลงจากหุบเขา ลื่นไถลด้วยความเร็วสูงและลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง มันอยู่ห่างจากผมไปประมาณ 10 ฟุตเท่านั้น ผมพยายามที่จะช่วยเธอแต่ไฟมันลุกไหม้จนเกินไป”
ลูกชายของกาลิเซีย นายแมทธิว คารัวนา กาลิเซีย (Matthew Caruana Galizia) ที่เจริญรอยตามผู้เป็นแม่ด้วยการเป็นนักข่าวสืบสวนสอบสวนออกมาประณามผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมนางกาลิเซียด้วยความเหี้ยมโหดบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา
เจ้าตัวเชื่อว่าสาเหตุที่แม่ของตนถูกฆาตกรรมเป็นผลจากการเปิดโปงคดีการทุจริตของผู้มีอิทธิพลในมอลตา ทั้งยังนิยามประเทศบ้านเกิดของตัวเองว่าเป็น ‘รัฐมาเฟียที่ถูกบริหารโดยอาชญากร’
“แม่ของผมถูกลอบสังหารเนื่องจากเธอยืนหยัดอยู่ระหว่างกฎหมายและผู้ที่พยายามจะละเมิดมันเหมือนนักข่าวคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกเป็นเป้าโจมตีเพราะเธอคือคนเดียวที่เดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอย่างจริงจัง นี่คือส่ิงที่เกิดขึ้นเมื่อสถาบันของภาครัฐไร้ความสามารถ ทำให้บ่อยครั้งผู้ยืนหยัดคนสุดท้ายก็คือนักข่าว และนั่นทำให้เธอกลายเป็นคนแรกที่ต้องจบชีวิตลง
“ผมจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่ผมวิ่งปรี่ไปยังทุ่งนรกผืนนั้น พยายามหาทางเปิดประตูรถของแม่ ขณะที่เสียงแตรของมันยังคงร้องต่อเนื่องแบบไม่มีทีท่าจะลดละ ผมตะโกนไปยังตำรวจสองนายที่กำลังดับเพลิงอยู่ ขณะที่พวกเขาได้แต่จ้องมองผมพร้อมบอกกลับมาว่า “ขอโทษจริงๆ ที่เราไม่สามารถทำอะไรได้”
“นายตำรวจคนหนึ่งบอกว่าเขามองไปยังรอบๆ บริเวณดังกล่าวและเจอแต่ชิ้นส่วนร่างกายแม่รอบๆ ตัวผม นั่นคือช่วงเวลาที่ผมรับรู้ว่ามันไร้ความหวังแล้ว”
มาร์การิทิส ชินัส (Margaritis Schinas) โฆษกประจำสหภาพยุโรปได้ออกมากล่าวประณามเหตุการณ์น่าสลดใจในครั้งนี้ ทั้งยังย้ำหนักแน่นอีกด้วยว่าคดีลอบสังหารกาลิเซียควรจะถูกสืบสวนและเร่งคลี่คลายให้กระจ่างโดยด่วน
ด้าน แอนดรูว์ บอร์ก คาร์โดนา (Andrew Borg Cardona) ทนายความที่ทำงานกับสามีของกาลิเซียเชื่อว่ารัฐบาลมอลตาไม่ได้มีความพยายามที่จะปกป้องเธอเท่าที่ควร
ภายหลังเกิดเหตุน่าสลดใจครั้งนี้ ชาวมอลตาทั้งประเทศต่างรู้สึกเศร้าสลดเสียใจและโกรธแค้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก โดยประชาชนราวพันคนได้ร่วมกันออกมาจุดเทียนไว้อาลัยให้กับเธอตามท้องถนนต่างๆ ในประเทศมอลตาเมื่อช่วงเย็นของวันที่เธอเสียชีวิต รวมถึงออกมาประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนักข่าวหญิงผู้จากไป
‘คดีฆาตกรรมเพื่อหวังผลทางการเมือง’ ใครฆ่ากาลิเซีย!?
‘อาชญากรเชมบรีได้ให้การต่อหน้าศาลในวันนี้ เพื่อหาข้อโต้แย้งว่าเขาไม่ได้กระทำการทุจริต’
‘ไม่ว่าคุณจะมองไปที่ไหนก็มีแต่คนโกงเต็มไปหมด สถานการณ์ตอนนี้มันสิ้นหวังแบบสุดๆ แล้วล่ะ’
นี่คือพาดหัวและประโยคจบของข่าวชิ้นสุดท้ายที่กาลิเซียได้เขียนไว้ในบล็อกของเธอเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
มีรายงานว่าก่อนที่โศกนาฏกรรมซึ่งครอบครัวกาลิเซียต้องเผชิญในขณะนี้จะอุบัติขึ้น นักข่าวหญิงจากมอลตาได้แจ้งความต่อตำรวจเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนว่าเธอถูกขู่ฆ่า แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ได้รับการคุ้มกันหรือความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น
หลังเกิดเหตุนายกรัฐมนตรีโจเซฟ ที่ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมนี้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวว่าป่าเถื่อนและไร้ความปราณีแบบสุดๆ โดยเขาจะเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้
“สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องที่ผมจะไม่ยอมรับ นี่ถือเป็นวันที่ประชาธิปไตยและเสรีภาพในการพูดของพวกเราตกต่ำและมืดหม่นแบบสุดๆ ผมจะไม่หยุดจนกว่าจะได้เห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ดี ไมเคิล บริกูกลิโอ (Michael Briguglio) หัวหน้าพรรคการเมืองสีเขียวในมอลตากล่าวว่า “เหตุการณ์ในครั้งนี้คือการฆาตกรรมเพื่อหวังผลทางการเมือง มันค่อนข้างชัดเจนเลยแหละว่ามีบริบททางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และรัฐบาลเองก็ไม่ได้พยายามใดๆ ทั้งสิ้นที่จะปกป้องนักข่าวที่ตกอยู่ในอันตราย”
สอดคล้องกับความเห็นของ เอเดรียน เดเลีย (Adrian Delia) ผู้นำพรรคการเมืองชาตินิยม Partit Nazzjonalista ขั้วตรงข้ามของนายโจเซฟที่เชื่อเช่นกันว่าคดีฆาตกรรมกาลิเซียเป็น ‘การฆ่าเพื่อหวังผลทางการเมือง’ โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีของมอลตาประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ส่วนหัวหน้าตำรวจและอัยการสูงสุดของประเทศก็ควรจะถูกปลดจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน
ในเวลาต่อมาแมทธิวผู้สูญเสียคุณแม่อันเป็นที่รักไปได้ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กพร้อมแสดงความต้องการให้โจเซฟ มัสแคต, คอนราด มิซซี, คีธ เชมบรี, คริส คาร์โดนา (Chris Cardona), อัยการสูงสุด และนายตำรวจในประเทศ ออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยด่วนที่สุด ทั้งยังกล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมนางกาลิเซีย
นอกจากนี้สำนักข่าว Times of Malta ยังได้รายงานอีกด้วยว่า ทันทีที่ข่าวการเสียชีวิตของกาลิเซียถูกแพร่ประกาศออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเชิงเฉลิมฉลองบนเฟซบุ๊กของเขา ซึ่งแน่นอนว่านายตำรวจรายนี้ได้ถูกพักงานทันที และกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนการกระทำผิดอยู่
สำหรับคดีลอบสังหารในครั้งนี้มีการยืนยันแล้วว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชจากเนเธอร์แลนด์และทีม FBI จากสหรัฐอเมริกาจะทำงานร่วมกัน เพื่อพยายามไขปริศนาการจากไปของนักข่าวหญิงผู้กล้าหาญรายนี้เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด
Photo: STR, Matthew Mirabelli/AFP
อ้างอิง:
- web.archive.org/web/20171016221717/http://www.maltatoday.com.mt/news/national/63723/explainer__from_panamagate_to_panama_papers#.WecMBBOCzs0
- en.wikipedia.org/wiki/Joseph_Muscat#Career
- en.wikipedia.org/wiki/Konrad_Mizzi
- daphnecaruanagalizia.com/2017/10/crook-schembri-court-today-pleading-not-crook
- www.facebook.com/matthewcaruanagalizia
- www.dailymail.co.uk/news/article-4990716/Investigator-warned-murder-GUY-ADAMS.html
- www.bbc.com/news/world-europe-41648940
- www.theguardian.com/world/2017/oct/16/malta-car-bomb-kills-panama-papers-journalist
- www.washingtonpost.com/news/worldviews/wp/2017/10/16/bomb-kills-investigative-journalist-in-malta-who-reported-on-panama-papers/?utm_term=.bef7cfc8854f
- www.independent.co.uk/news/world/europe/daphne-caruana-galizia-dead-malta-car-bomb-panama-papers-wikileaks-a8003936.html
- www.abc.net.au/news/2017-10-17/daphne-caruana-galizia-panama-papers-journalist-car-bomb/9057690
- www.abc.net.au/news/2017-10-17/car-bomb-kills-journalist-who-covered-malta-panama-papers/9056778
- AFP