×

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story ฆาตกรต่อเนื่องไม่ได้ฆ่าแค่เหยื่อ แต่ทำลายล้างคนรอบข้างไปด้วย

26.09.2022
  • LOADING...
DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • นอกจากจะพูดถึงชีวิตของ Dahmer แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเขา รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์สังคม โดยเฉพาะการเหยียดเชื้อชาติที่เล่าผ่าน Glenda สาวผิวดำข้างห้อง ผู้เห็นความผิดปกติและพยายามแจ้งตำรวจมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญ 
  • แม้กระทั่งผู้พิพากษาที่ดูเหมือนจะเข้าข้างคนผิวขาว อย่างที่เห็นได้ชัดในฉากพิพากษา Dahmer ข้อหาล่วงละเมิดเด็กชาย หรือแม้แต่การเลือกเหยื่อเป็นคนผิวดำและคนเอเชีย ก็ชวนตั้งคำถามว่าเป็นเพราะเขาเห็นความงดงามของคนเหล่านั้นอย่างที่บอก หรือเลือกเพราะคนพวกนี้มักไม่มีคนสนใจกันแน่

“ทำไมฆาตกรโรคจิตคนนี้มันหน้าตาดีจังวะ” นี่คือประโยคแรกๆ ที่ผุดขึ้นในใจผู้เขียนหลังจากได้อ่านเรื่องราวของ Jeffrey Dahmer ตอนที่ถูกจับใหม่ๆ เรื่องราวของเขาเป็นข่าวดังไปทั่วโลกในยุค 90 จากวีรกรรมความโหดร้ายด้วยการสังหารเหยื่อ 17 ราย และกินเนื้อมุษย์ ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็รูปลักษณ์ภายนอกของ Jeffrey Dahmer ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกถึงความวิปริตที่ซ่อนอยู่ข้างในเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ย้อนกลับไปในค่ำคืนหนึ่งเมื่อปี 1991 ตำรวจเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน เข้าตรวจค้นห้องหมายเลข 213 ที่ออกซ์ฟอร์ดอพาร์ตเมนต์ แล้วก็ต้องพบกับภาพชวนตะลึง ภายในห้องเต็มไปด้วยภาพถ่ายโพลารอยด์ของเหยื่อถูกทรมานและศพที่ถูกชำแหละ ในครัวมีแขนขามนุษย์อยู่ในหม้อตุ๋นจนเปื่อย ภายในตู้เย็นพบกระโหลกมนุษย์ 3 หัวและเนื้อมนุษย์แช่อยู่ อีกทั้งยังพบอวัยวะภายในและอวัยวะเพศมนุษย์ดองไว้ในขวดโหล นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการเปิดโปงพฤติกรรมของ Jeffrey Dahmer เกย์หนุ่มผมทอง ตาสีฟ้า ที่ออกล่าเกย์ผิวดำและเอเชีย เพื่อสนองความวิปริตของตัวเอง

 

ตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี Jeffrey Dahmer สังหารเหยื่อไปถึง 17 ราย โดยเฉพาะในปี 1991 เขาสังหารเหยื่อตกสัปดาห์ละคน ด้วยการหลอกล่อจากบาร์เกย์ และใช้เงินว่าจ้างให้มาเป็นแบบให้ถ่ายภาพ ซึ่งหลังจากการสังหารเหยื่อเขาจะทำกิจกรรมทางเพศกับศพ หั่นเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ เก็บอวัยวะเป็นที่ระลึก กินเนื้อของเหยื่อ ส่วนที่โหดกว่านั้นคือมีเหยื่อบางรายที่เขาตั้งใจทำให้เป็นซอมบี้ ด้วยการใช้สว่านเจาะกะโหลกและหยอดน้ำกรดเข้าไปในสมอง!

 

เรื่องราวความโหดเหี้ยมของ Jeffrey Dahmer กลายเป็นที่สนใจของนักอาชญวิทยา และกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เขาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต และหลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้เพียง 2 ปี Jeffrey Dahmer ถูกฆาตกรรมด้วยการใช้ไม้ยาว 3 ฟุตแทงเข้าไปที่ทวารหนัก และฟาดด้วยลูกเหล็กออกกำลังกายจนตาย โดยเรื่องราวของเขาถูกถ่ายทอดเป็นหนังและซีรีส์อยู่หลายครั้ง

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story คือซีรีส์เรื่องล่าสุดจำนวน 10 ตอนที่เล่าเรื่องของ Jeffrey Dahmer เป็นผลงานของโปรดิวเซอร์ Ryan Murphy ผู้ที่อยู่เบื้องหลังซีรีส์เรื่องดังอย่าง Glee, American Horror Story, Pose ฯลฯ โดยได้ Evan Peters นักแสดงหนุ่มที่เราคุ้นเคยในบท Quicksilver จาก X-Men มารับบทฆาตกรชื่อกระฉ่อนโลก

 

ในฐานะที่ติดตามเรื่องราวของ Jeffrey Dahmer ต้้งแต่เกิดคดีใหม่ๆ ผู้เขียนก็ยอมรับตามตรงว่าไม่เคยมองฆาตกรคนนี้ในฐานะมนุษย์เลย แต่ในช่วงแรกของซีรีส์เรื่องนี้ตีแผ่องค์ประกอบที่ทำให้เด็กคนหนึ่งกลายเป็นฆาตกรคร่าชีวิตคนอื่นเพื่อสนองความต้องการของตัวเองได้อย่างไร ทำให้เกิดความรู้สึกทั้งเกลียดชังและสงสารไปพร้อมๆ กัน

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

Jeffrey Dahmer 

 

Jeffrey Dahmer เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกันตลอดเวลา และผู้เป็นพ่อก็มักจะทิ้งเขาไปในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ไม่มั่นคง ยิ่งมาผนวกกับงานอดิเรกคือการสตัฟฟ์สัตว์ที่เขาสนใจเป็นพิเศษ จึงหล่อหลอมให้เขาอยากทำแบบเดียวกันกับคนดูบ้าง วิปริตไปกว่านั้นคือการทำลายซากศพและเก็บไว้ใกล้ๆ ตัว เพื่อเติมเต็มความเปลี่ยวเหงาในใจตัวเอง ทำให้ผู้เขียนย้อนนึกถึงคดีดังของไทยเรื่องไอซ์ หีบเหล็ก เมื่อปี 2563 ตอนเด็กๆ มักถูกทอดทิ้ง และกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องเก็บซากศพไว้ในบ้านเหมือนๆ กัน

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story ไม่ได้มีฉากนองเลือดหรือฉากโหดๆ สักเท่าไร แต่ก็มีเรื่องให้ลุ้นได้ตลอด เพราะใช้การเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา ซึ่งจากเรื่องจริงมีเหยื่อบางรายที่รอดชีวิตหนีออกมาได้ คนดูจึงไม่รู้เลยว่ากำลังดูเรื่องราวของใครอยู่ โดยเนื้อหาเลือกโฟกัสไปที่เหยื่อรายเด่นๆ อย่างเรื่องของ Tony Hughes ชายหนุ่มหูหนวกผู้มองโลกในแง่ดี และเป็นที่รักของคนในครอบครัว ผู้สามารถดึงด้านอ่อนละมุนของฆาตกรโรคจิตออกมาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้กับสันดานดิบของตัวเอง และเรื่องของ คนรัก สินธสมพร เด็กชายชาวลาววัย 14 ปี เหยื่อที่หนีออกมาได้ จนไปถึงมือตำรวจแล้ว แต่ก็กลายเป็นตำรวจนั่นเองที่ส่งเหยื่อรายนี้กลับไปสู่มือฆาตกร สะท้อนความหละหลวมและเลือกปฎิบัติของตำรวจเมืองมิลวอกี และกลายเป็นประเด็นสำหรับในช่วงท้ายของเรื่อง

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

 

นอกจากจะพูดถึงชีวิตของ Dahmer แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการะทำของเขา รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์สังคม โดยเฉพาะการเหยียดเชื้อชาติที่เล่าผ่าน Glenda สาวผิวดำข้างห้อง ผู้เห็นความผิดปกติและพยายามแจ้งตำรวจมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญ หรือแม้กระทั่งผู้พิพากษาที่ดูเหมือนจะเข้าข้างคนผิวขาว อย่างที่เห็นได้ชัดในฉากพิพากษา Dahmer ข้อหาล่วงละเมิดเด็กชาย หรือแม้แต่การเลือกเหยื่อเป็นคนผิวดำและคนเอเชีย ก็ชวนตั้งคำถามว่าเป็นเพราะเขาเห็นความงดงามของคนเหล่านั้นอย่างที่บอก หรือเลือกเพราะคนพวกนี้มักไม่มีคนสนใจกันแน่

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story

 

ซีรีส์ยังสะท้อนให้เห็นความวิปริตของสังคม เพราะหลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำ Dahmer กลับกลายเป็นฮีโร่ของคนบางกลุ่ม และหารายได้จากชื่อเสียงของตัวเอง แม้แต่พ่อของเขาก็หาประโยชน์จากสิ่งที่ลูกชายได้ก่อไว้ โดยไม่ได้สนใจความทุกข์ร้อนของครอบครัวเหยื่อที่ไม่อาจก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านี้ไปได้เลย ที่เจ็บปวดก็คือในตอนท้ายเรื่อง ผู้สร้างตั้งใจดูเหมือนจะเน้นย้ำว่าแท้จริงแล้วผู้คนแทบไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้เลย

 

DAHMER-Monster: The Jeffrey Dahmer Story รับชมได้ทาง Netflix

 

ภาพ: NETFLIX

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising