×

เจาะลึกเบื้องหลัง D.OASIS บริษัท Metaverse ไทย กับการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ระดับโลก

16.12.2022
  • LOADING...
D.OASIS

HIGHLIGHTS

8 mins. read
  • มูลค่าตลาดของ Metaverse มีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นไปแตะ 5 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 จากการประเมินของ McKinsey & Co.
  • CEO ของ D.OASIS มองว่า Metaverse คือเกมยาว และจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทคโนโลยีของ AR และ VR พัฒนามากขึ้น รวมทั้งอินเทอร์เน็ตที่ก้าวไปสู่ยุค 6G-8G
  • D.OASIS ปักธงว่าต้องการจะพัฒนา Metaverse ที่เป็นเหมือน Social Hub เพื่อตอบสนองความชื่นชอบที่หลากหลายของผู้ใช้งาน
  • สินทรัพย์ที่ D.OASIS มุ่งพัฒนาคือ NFT ที่เรียกว่า Avatar Asset ซึ่งบางส่วนจะเชื่อมโยงกับสินค้าในโลกจริง
  • เมืองใน Metaverse ของ D.OASIS จะเปิดให้ใช้บริการก่อนที่จะถึง The Sandbox Season 4 ปี 2023

แม้โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งก็รวมถึง Metaverse จะซบเซาลงตามภาวะตลาดในปีนี้ แต่การพัฒนาของ Metaverse ยังไม่ได้หยุดชะงักไปเสียทีเดียว ในภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม McKinsey & Co. ยังคงคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของ Metaverse จะพุ่งไปแตะ 5 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030

 

เช่นเดียวกับบริษัท Metaverse สัญชาติไทยอย่าง D.OASIS ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเป้าหมายจะก้าวไปเป็นผู้เล่นระดับโลก ยังคงเดินหน้าขยายโปรเจกต์ที่วางไว้หลังการตัดสินใจลงทุนซื้อที่ดินในแพลตฟอร์ม Metaverse ยักษ์ใหญ่อย่าง The Sandbox

 

Metaverse คือเกมยาว

“Metaverse เป็นแผนในระยะยาวของเรา ถ้าเทียบเป็นเบสบอล เราอยู่ในอินนิ่งแรกเท่านั้น เราจะค่อยๆ พัฒนาไปตามตลาด โดยไม่ทุ่มลงทุนทั้งหมด ในขณะที่ตลาดยังไม่พร้อม” สิริเกียรติ์ บุญวรเศรษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ D.OASIS เริ่มฉายภาพเป้าหมายและแผนการขยายธุรกิจ Metaverse


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


สำหรับภาวะของอุตสาหกรรมที่ซบเซาลงไป “ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันก็ไม่เชิง เพราะคนยังมองว่าเป็นสิ่งที่จะวิ่งไปคู่กัน ตลาด Crash ทำให้เกิดปัญหา แต่เราเชื่อว่าอนาคตไปได้แน่นอน ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวและดูตลาด ใครที่เตรียมตัวได้เร็วก็จะได้เปรียบ”

 

ที่ผ่านมาธุรกิจ Metaverse เป็นหนึ่งในสิ่งที่เกิด Overhyped ในขณะที่เทคโนโลยีไม่พร้อมและตลาดยังไม่พร้อม บริษัทที่จะอยู่รอดได้จะต้องมีพื้นฐาน (N3) ที่แท้จริง ซึ่งมูลค่า (Valuation) ของ Metaverse ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้งาน และเวลาที่ผู้ใช้งานแต่ละคนเข้ามาใช้ต่อวัน

 

D.OASIS

 

“หากเทียบกับโซเชียลมีเดีย คีย์สำคัญต่อการพัฒนาคือสมาร์ทโฟน และ 4G ทำให้โซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นมาในขณะที่ Metaverse กำลังรอเทคโนโลยีของแว่น VR, AR ที่คุณภาพดีและราคาเอื้อมถึง รวมทั้งรอเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต 6G-8G ซึ่งจะช่วยให้การประมวลผลภาพทำได้เร็วขึ้นมาก”

 

ปัจจุบันเรายังใช้งาน Metaverse ในแบบ On Screen เป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากนี้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แว่น AR จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานโลกจริงกับโลกดิจิทัลเข้าด้วยกันมากขึ้น และทำให้โลกดิจิทัลสมจริงมากยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ดี การพัฒนาโปรเจกต์ก็ยังมีความท้าทายหลายด้าน โดยมี 3 เรื่องสำคัญคือ

  1. จังหวะเวลา และ Sentiment ตลาดโดยภาพรวม ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานและผู้ที่จะเข้ามามีส่วนร่วม
  2. การดึงคนเข้ามาใช้งาน ต้องอาศัยคอนเทนต์ที่น่าสนใจมากพอ หากเปรียบเป็นห้างสรรพสินค้า ผู้ใช้บริการจะเยอะหรือน้อยขึ้นกับร้านค้าต่างๆ ในส่วนนี้เราพยายามสร้างจุดแข็งด้วยการดึงพาร์ตเนอร์จากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้ามาร่วม และพยายามหยิบจุดแข็งของแต่ละคนไปโชว์อยู่บนนั้น และในอนาคตบริษัทก็มีแผนจะดึงพาร์ตเนอร์ต่างชาติเข้ามาร่วมด้วย
  3. การออกแบบเมือง การอยู่บนแพลตฟอร์มระดับโลก ทำให้ความชอบของผู้ใช้งานแตกต่างกัน เราจะทำอย่างไรเพื่อดึงความสนใจจากทุกๆ ความชอบ ทุกๆ เทรนด์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่ระดับโลก

 

สร้าง Social Hub จากทุกเสียงของ Community

ด้าน ณัฐนันท์ วงษ์เอกวัสส์ Marketing Lead ของ D.OASIS กล่าวเสริมว่า พื้นฐานของ D.OASIS มาจากการที่เราลงทุนซื้อที่ดินจริง (บนโลก Metaverse) ลงมือพัฒนาจริง มีพาร์ตเนอร์เข้ามาจริง ซึ่งเหล่านี้สามารถตีเป็นมูลค่าได้ และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเกิด Value ขึ้นมา

 

“เราเชื่อว่าถ้าเราก้าวได้เร็วกว่า เราก็จะพัฒนาไปได้เร็วกว่าคนอื่น เป็นสาเหตุให้เราเลือกที่จะพัฒนาบนแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง The Sandbox”

 

การใช้วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถกระโดดเข้าไปในอุตสาหกรรมได้เร็ว เมื่อเทียบกับการพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งต้องอาศัยทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งคน เงินทุน และเวลา

 

นอกจากนี้การเลือกจับมือกับพาร์ตเนอร์จำนวนมากจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาคการศึกษา วงการบันเทิง ภาคธุรกิจ ก็เป็นส่วนที่ช่วยให้เรามุ่งไปสู่การเป็น Metaverse ระดับโลกได้เร็วยิ่งขึ้น และยังเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น D.OASIS ที่ไม่ต้องสร้างแบรนด์ใหม่ตั้งแต่ต้น และดีต่อศิลปินที่ไม่ต้องพัฒนาเมืองทั้งหมดของตัวเอง

 

D.OASIS

 

“หากมองในไทย การพัฒนา D.OASIS เป็นการรวมพาร์ตนอร์ที่ใหญ่และมากที่สุด ซึ่งพาร์ตเนอร์เหล่านี้จะเข้ามามีส่วนช่วยออกแบบและพัฒนาเมืองของเรา การมีพาร์ตเนอร์เยอะจะช่วยให้เราเติบโตได้เร็ว หากรวม Followers ของพาร์ตเนอร์ทั้งหมด จะคิดเป็นประมาณ 30 ล้านราย”

 

ณัฐนันท์กล่าวถึงจุดยืนของ D.OASIS ว่า “เราต้องการสร้าง Social Hub เราอยากเห็นคนมาแฮงเอาต์กันในนี้ หัวใจสำคัญคือ Community และ Traffic ซึ่งจะช่วยให้เกิดเป็น Ecosystem ทุกคนต่างจะต้องได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือผู้ที่เข้ามาใช้งาน

 

“D.OASIS เป็นกึ่ง Centralized แต่การทำงานของเราทำงานเป็นเหมือน Decentralized เราฟังทุกเสียงจาก Community ของเรา โดยเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับการพัฒนาพื้นที่ของเรา”

 

ขณะเดียวกันเราปักธงชัดว่าจะต้องการจะเป็นผู้พัฒนา Non-Fungible Token (NFT) ที่เป็นสินทรัพย์ในโลกของ Metaverse โดยเริ่มจาก The Sandbox เราจะสร้าง Avatar ที่จะสามารถใช้งานได้จริงในโลก Metaverse ซึ่งเราเรียกว่า Avatar Asset

 

D.OASIS

D.OASIS

 

ซึ่งสินทรัพย์ในโลก Metaverse บางส่วนจะเชื่อมโยงกับสินค้าในโลกจริงด้วย อย่างกรณีของ Warrix เรามีสินค้าทั้งในโลกดิจิทัลที่เหมือนกับสินค้าจริง

 

ความแตกต่างของ D.OASIS กับผู้พัฒนาเมืองรายอื่นๆ บน The Sandbox อย่างใน The Sandbox Alpha Pass Season 3 ที่ผ่านมา ส่วนมากแต่ละเมืองจะพัฒนาโดยแบรนด์เดียว เช่น Snoop Dogg, Warner Music หรือ Paris Hilton ในขณะที่เราพยายามพัฒนาเมืองให้มีความหลากหลาย พร้อมผสมผสานกับความเป็นไทย โดยโฟกัสที่ความสนใจของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง

 

“หนึ่งคนอาจจะมีความชอบที่หลากหลาย เช่น ชอบฟังเพลง และอาจชอบดูกีฬาด้วย เรามองว่าหากมีเพียงแค่ความสนใจเดียว ผู้ใช้ก็อาจจะอยู่แค่สั้นๆ แล้วก็ออกไป”

 

ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ

ผู้บริหารของ D.OASIS เชื่อว่าในอนาคตแต่ละเวิร์สของแต่ละแพลตฟอร์มจะสามารถเชื่อมต่อกันได้โดยตรง และกลายเป็น Multiverse ปัจจุบัน D.OASIS ซื้อที่ดินมาเตรียมไว้คิดเป็น 10 พล็อต (Plot) ปัจจุบันพัฒนาไปแล้วประมาณ 2 พล็อต

 

D.OASIS

 

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเปิดให้ผู้คนเข้ามาใช้งานก่อนที่จะถึง The Sandbox Season 4 ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2023 ปัจจุบันผู้ที่เข้ามาใช้งาน Metaverse อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่มมหลัก คือ 1. ผู้ที่ชอบในคอนเทนต์ของ The Sandbox 2. ผู้ที่เข้ามาเลือกซื้อสินทรัพย์เพื่อซื้อขายทำกำไร และ 3. ผู้ที่เข้ามาร่วมอีเวนต์ อย่าง The Sandbox Season 3 ที่ผ่านมา

 

สำหรับตลาด Metaverse ในไทยถือเป็นตลาดที่เติบโตค่อนข้างเร็ว ไทยติดอันดับ 4 ของจำนวนผู้ที่ใช้งาน The Sandbox มากที่สุด

 

ส่วนโมเดลการสร้างรายได้ของการเป็นผู้พัฒนาที่ดินในโลก Metaverse เป็นสิ่งที่อิงจากการพัฒนาที่ดินในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นการขายที่ดิน การให้เช่าพื้นที่ การขายสินค้า หรือการขายบัตรผ่านให้คนเข้ามาใช้งาน เป็นต้น นอกจากนี้ D.OASIS จะมีการจัดกิจกรรมภายในโลก Metaverse ที่ล้อไปกับโลกความจริงอยู่เป็นระยะ อย่างช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ บริษัทจะมีอีเวนต์ Christmas & New Year ซึ่งภายในโลกของ Metaverse ก็จะตกแต่งเมืองตามเทศกาล รวมถึงมีกิจกรรมเกมให้ผู้เล่นได้เข้ามาร่วมสนุกอีกด้วย

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising