×

ตำรวจไซเบอร์​จับชายฮ่องกง แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวแบกเครื่องส่ง SMS ปลอมส่งเข้ามือถือหลอกดูดเงินประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
09.04.2024
  • LOADING...
ตำรวจไซเบอร์

วันนี้ (9 เมษายน) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.), วิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการส่วนงานองค์กรสัมพันธ์ AIS และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ไท ลอย และ มัน ลุก ลี สัญชาติฮ่องกง   

 

พร้อมด้วยของกลางคือ เครื่องจำลองสถานี (False Base Station) แบบพกพา หรือเครื่องสติงเรย์ จำนวน 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน

 

พล.ต.ท. วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานงานจากทาง AIS Monitor ว่ามีคนร้ายส่งข้อความไปยังผู้ใช้บริการของเครือข่าย ระบุว่าคะแนนของบัญชีกำลังจะหมดอายุ ให้กดลิงก์ที่แนบมาเพื่อเข้าไปแลกสินค้าหรือของสมนาคุณ จากนั้นคนร้ายจะหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิต 

 

ซึ่งหากผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะกดลิงก์เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ที่คนร้ายสร้างขึ้นมาและกรอกข้อมูลเข้าไป คนร้ายก็จะดูดเงินออกไปจนเกลี้ยงบัญชี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบข้อความในลักษณะต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก 

 

พล.ต.ท. วรวัฒน์ ระบุว่า หลังรับแจ้งชุดสืบสวนทำการตรวจสอบและถอดแผนพฤติกรรม กระทั่งพบว่าคนร้ายได้มีการใช้เครื่องสติงเรย์ในการส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โดยส่งข้อความแนบลิงก์ปลอม 

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวที่บริเวณห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงได้พบผู้ต้องหาทั้งสองคนในลักษณะต้องสงสัยมีการสะพายกระเป๋าเดินวนไปมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจสอบ ได้พบเครื่องสติงเรย์จำนวน 1 เครื่อง ผลิตจากประเทศมาเลเซีย ก่อนนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางรัก พบแบตเตอรี่สำรอง 1 เครื่อง จึงทำการตรวจยึดไว้ 

 

จากการจับกุมในครั้งนี้พบว่า คนร้ายมีการพัฒนาแผนประทุษกรรม โดยนำเครื่องสติงเรย์เชื่อมต่อมือถือแทนคอมพิวเตอร์ตระเวนไปตามเป้าหมายหลัก เช่น ย่านชุมชน ตลาด หรือห้างสรรพสินค้า เนื่องจากกลุ่มคนที่จับจ่ายซื้อของมักจะใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและยากต่อการติดตาม 

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498

 

ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498

 

ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67 (3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising