×

Netflix เล่นใหญ่! ปีหน้าพร้อมคลุกวงในตลาดแอนิเมะญี่ปุ่น

โดย ภูภู่ฯ
04.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ในปี 2018 Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงรายใหญ่ของโลก เตรียมเข้าสู่ตลาดแอนิเมะญี่ปุ่นอย่างจริงจังยิ่งขึ้น ด้วยการประกาศลิขสิทธิ์พร้อมกันกว่า 13 เรื่อง
  • Netflix ลงทุนไปหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ในการสร้างคอนเทนต์ของตนเอง ทั้งซีรีส์, ภาพยนตร์, สารคดี และรายการโทรทัศน์ จนหลายคนตั้งคำถามว่า Netflix จะเกิดปัญหาหรือไม่ในเชิงงบประมาณ?
  • แต่มูลค่าตลาดแอนิเมะญี่ปุ่นที่มีตัวเลขหลักพันล้านเหรียญสหรัฐ อาจถือเป็นสนามที่คุ้มค่าพอที่ Netflix จะเข้าร่วมเพื่อแชร์ส่วนแบ่งตลาดโลกก็เป็นได้

     ดูเหมือนว่า Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงรายใหญ่ของโลกจะเร่งรุกเข้าสู่ตลาดแอนิเมชันญี่ปุ่น (หรือที่เรียกกันติดปากวงในว่า ‘แอนิเมะ’) อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

     หลังจากก่อนหน้านี้มีความคาบเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่บ้าง เช่น การซื้อลิขสิทธิ์แอนิเมะและภาพยนตร์ญี่ปุ่นมาฉายเอง หรือล่าสุดได้ซื้อต่อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ญี่ปุ่นสุดดังอย่าง Death Note มาจากผู้ถือลิขสิทธิ์เดิมอย่าง Warner Bros. เพื่อนำมาทำเป็นภาพยนตร์คนแสดง ฉายเฉพาะบน Netflix เอง

 

Photo: Death Note (Netflix Film)

 

     แต่ Netflix ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อพวกเขาพยายามก้าวไปในโลกแห่งแอนิเมะมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2017-2018 นี้เรียกว่าเป็นการหมายมั่นปั้นตลาดใหม่ของ Netflix แบบสุดซอยเลยก็ว่าได้

     ทั้งนี้ต้องพาย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2014 ที่ประตูสู่โลกแอนิเมะญี่ปุ่นของ Netflix ได้เปิดขึ้น หลังซื้อลิขสิทธิ์แอนิเมะญี่ปุ่นมาจัดฉายและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในต่างประเทศเป็นเรื่องแรก (ฉายได้ทั่วโลก ยกเว้นญี่ปุ่นและประเทศที่มีผู้ถือครองลิขสิทธิ์อยู่ก่อนหน้า) นั่นคือเรื่อง ‘Knights of Sidonia’ (ชื่อไทย: อัศวินอวกาศ) ทั้ง 2 ซีซัน ซึ่งนั่นคือก่อนที่ Netflix จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่นเสียอีก

     ภายหลังจากเรื่อง Knights of Sidonia ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดต่างประเทศ ระหว่างนั้น Netflix ได้เริ่มทยอยซื้อลิขสิทธิ์แอนิเมะญี่ปุ่นเพื่อจัดฉายผ่านระบบของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2015-2016 ไล่เรียงนับตั้งแต่ Glitter Force (สไมล์พรีเคียว!), The Seven Deadly Sins (ศึกตำนาน 7 อัศวิน), Ajin: Demi-Human และ Kuromukuro

 

Photo: Knights of Sidonia (Netflix Original)

 

     แต่สำหรับโลกของแอนิเมะนั้น Netflix ยังถือว่าหน้าใหม่มากเมื่อเทียบกับบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องการซื้อแอนิเมะญี่ปุ่นมาจัดฉายในอเมริกา (และเครือข่ายทั่วโลก) ที่ลุยตลาดมาก่อนหน้าอย่างบริษัท Funimation, Crunchyroll หรือ Sentai Filmworks และอีกหลายเจ้าที่มีทั้งแบบฉายทางโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ หรือฉายบนระบบวิดีโอสตรีมมิงแบบเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน

     เฉพาะในปีที่ผ่านมา Netflix ได้ทุ่มไปกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2016 กับการสร้างและฉายคอนเทนต์ของตัวเองทั้งซีรีส์, เรียลลิตี้, สารคดี และภาพยนตร์ และอีกกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2017 นี้ จนหลายคนคงสงสัยว่า ทำไม Netflix จึงยังเลือกที่จะพุ่งเข้าสู่สนาม ‘แอนิเมะ’ ทั้งที่มีข่าวว่าแอนิเมะญี่ปุ่นทำรายได้น้อยลงในปี 2016 และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ช่อง NHK เคยเสนอรายงานว่า 1 ใน 4 ของสตูดิโอแอนิเมะญี่ปุ่นกำลังอยู่ในภาวะขาดทุน!

 

Photo: Netflix (USA)

 

     ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองโดยเม็ดเงินแล้ว สถิติจาก The Association of Japanese Animations (AJA) องค์กรที่เกิดจากการร่วมมือกันของบริษัทผู้ผลิตแอนิเมชันในญี่ปุ่นกว่า 60 บริษัท ได้ออกรายงานสรุปชื่อ Anime Industry Report 2016 Summary ไว้ว่า สถานการณ์และแนวโน้มของอุตสาหกรรมแอนิเมะในปี 2015-2016 ว่ามีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.83 ล้านล้านเยน (ราว 18.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

ภาพเอกสารประกอบจาก: The Association of Japanese Animations (AJA)

 

     และมูลค่าต่างประเทศทั่วโลก (ไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น) อยู่ที่ 583.3 พันล้านเยน (ราว 5.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับรายจ่ายทั้งหมดของ Netflix ที่ใช้ในการสร้างคอนเทนต์ตลอดทั้งปี โดยประเทศที่มีการใช้จ่ายไปกับอุตสาหกรรมแอนิเมะมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยจีน และแคนาดา

 

Photo: Fate/Apocrypha

 

     ด้วยตัวเลขที่เย้ายวนชวนร่วมแชร์เช่นนี้ ผนวกกับการที่ Netflix มีเครือข่ายกระจายอยู่กว่า 190 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ผ่านข้อตกลงขอใบอนุญาตเพื่อการฉายแล้วกับประเทศจีน ร่วมกับเครือข่าย iQiYi แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงของ Baidu ยิ่งทำให้ Netflix ดูจะมีอนาคตที่สดใสอย่างยิ่งกับตลาดแอนิเมะที่กำลังจะมาถึง

 

 

     ด้วยต้นทุนการผลิตที่น้อยกว่าในการสร้างภาพยนตร์และซีรีส์คนแสดง แต่กลับได้ผลกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับต้นทุน Netflix จึงประกาศเตรียมเข้าสมรภูมิแอนิเมะ ด้วยการประกาศแอนิเมะใหม่ที่จะฉายบน Netflix ในปี 2018 รวมแล้วกว่า 13 เรื่อง (ซีรีส์ยาว 12 เรื่อง และภาพยนตร์ 1 เรื่อง) โดยที่เปิดเผยชื่อเรื่องแล้วมีดังนี้

  1. Devilman: Crybaby จากแอนิเมะสุดคลาสสิก ‘Devilman
  2. Cannon Busters แอนิเมะแนวหุ่นยนต์ยักษ์
  3. B: The Beginning ซีรีส์แอนิเมะ 12 ตอน แนวระทึกขวัญ-อาชญากรรม ผลิตโดย Production I.G ผู้สร้าง Ghost in the Shell
  4. Sword Gai: the Animation แอนิเมะแนวแอ็กชัน-แฟนตาซี
  5. Lost Song แอนิเมะแนวแฟนตาซี
  6. Rilakkuma Series ซีรีส์ ‘Rilakkuma’ หมีขี้เซาสุดดัง จำนวน 13 ตอน
  7. Saint Seiya: Knights of the Zodiac ที่ร่วมมือกับบริษัท โตเอ แอนิเมชัน นำ ‘Saint Seiyaแอนิเมะดังยุค 80s กลับมาสร้างใหม่
  8. Baki (บากิ จอมประจัญบาน) แอนิเมะแนวต่อสู้ จำนวน 26 ตอน
  9. Kakegurui (โคตรเซียนโรงเรียนพนัน) แนวการพนัน-หักเหลี่ยมเฉือนคม
  10. Fate/Apocrypha จากซีรีส์ทำเงินสุดดังจากเกมและแอนิเมะตระกูล Fate
  11. Children of the Whales – “a world covered by oceans of sand”
  12. A.I.C.O. Incarnation ผลิตโดย Bones ผู้สร้าง Fullmetal Alchemist (แขนกลคนแปรธาตุ)
  13. และภาพยนตร์สร้างใหม่อย่าง ‘Godzilla: Monster Planet’ ที่ตีความก็อตซิลล่าใหม่ในโลกยุค 20,000 ปีนับจากที่มนุษย์อพยพออกจากโลก

 

Photo: Godzilla: Monster Planet

 

     ถึงจะมีเสียงติติงว่า Netflix ชอบทำอะไรเกินตัว พิสูจน์ได้จากรายจ่ายในการสร้างคอนเทนต์ในหลายปีที่ผ่านมา แต่พอดูจากลิสต์รายชื่อแอนิเมะที่เปิดตัวในปีหน้าแล้วก็บอกได้เพียงว่า งานนี้ Netflix ‘เล่นใหญ่’ อีกแล้ว แต่สำคัญที่สุดคือ มันดีสำหรับสมาชิกผู้เป็นแฟน ‘แอนิเมะ’ อย่างแน่นอน!  

 

Cover Photo: Netflix

อ้างอิง:

FYI
  • ก่อนที่ Netflix จะเป็นผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงรายใหญ่ของโลกแบบทุกวันนี้  Netflix ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1997 เคยเป็นผู้ให้บริการเช่ายืมแผ่นดีวีดีและบลูเรย์ทางไปรษณีย์ในสหรัฐอเมริกามาก่อน
  • แอนิเมะที่ฉายใน Netflix จะไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับลิขสิทธิ์ในประเทศนั้นๆ ว่าใครถือครองสิทธิ์ในการจำหน่ายและใช้งานอยู่ อาทิ ในไทยจะไม่มีการฉายเรื่อง Sword Art Online ใน Netflix เพราะว่ามีบริษัท Rose Media & Entertainment เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในไทยอยู่ (แต่มีฉายใน iflix เพราะได้รับการอนุญาตทางลิขสิทธิ์โดยบริษัท Rose แล้ว)
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising