×

3 ปัจจัยที่ทำให้พอร์ตล่ม ของนักลงทุนคริปโตฯ มือใหม่

15.02.2021
  • LOADING...
3 ปัจจัยที่ทำให้พอร์ตล่ม ของนักลงทุนคริปโตฯ มือใหม่

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • Poor Money Management หรือบริหารจัดการเงินลงทุนไม่เป็น
  • ไม่รู้ทันถึง Technology, Keyword และเหตุการณ์ต่างๆ ในวงการคริปโตฯ
  • ไม่ศึกษาผู้พัฒนาเหรียญนั้นๆ หลงเชื่อการชวนเชิญของทีมงานโปรเจกต์เหรียญบนเว็บไซต์ออนไลน์

ตลาดคริปโตฯ เดือดอีกครั้งหลัง Tesla ของอีลอน มัสก์ กว้านซื้อบิตคอยน์ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 45,000 ล้านบาท ทำให้ราคาของบิตคอยน์พุ่งขึ้นไปแตะที่ 48,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.4 ล้านบาท ก่อนที่ราคาจะปรับลงมา  

 

นักลงทุนมองว่า ปรากฏการณ์บิตคอยน์ที่ราคาพุ่งนั้นเป็นสัญญาณว่า บิตคอยน์จะกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินสกุลหลัก ยังไม่นับว่าในช่วงเวลากว่า 1 เดือนหลังปีใหม่ ตลาดคริปโตฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 46.8% (จาก $774 ล้าน วันที่ 30  ธันวาคม 2020 เพิ่มเป็น $1,401 ล้าน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 อ้างอิง: coinmarketcap) ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรมือใหม่แห่เปิดบัญชีซื้อขาย เพื่อหวังทำกำไรจากสินทรัพย์ทางเลือกนี้ ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำจนแทบไม่ให้ผลตอบแทนใดๆ

 

มีข้อสังเกตว่า นักลงทุนมือใหม่หลายคนเข้ามาโดยปราศจากการศึกษาความรู้พื้นฐานที่แน่นพอ ในบทความนี้เรานำเสนอ 3 ปัจจัยหลัก ที่ทำให้นักลงทุนพลาดจนทำให้เกิดความเสียหายกับพอร์ตการลงทุน

 

Poor Money Management หรือบริหารจัดการเงินลงทุนไม่เป็น

อันดับหนึ่งเลยคือเรื่องของการจัดการเงินลงทุน (Money Management) สำหรับการซื้อขายในตลาดคริปโตฯ เช่น การแบ่งไม้ซื้อและแบ่งไม้ขาย ไม่ลงทุนแบบทุ่มหมดหน้าตัก หรือกู้เงินมาลงทุน ควรแบ่งเงินรายได้มาลงทุนทีละเล็กทีละน้อย และควรจะมีแนวทางวางไว้เรียบร้อยก่อน มีการแบ่งสัดส่วนการลงทุน ซื้อ ขายทำกำไร และซื้อระยะยาวให้ชัดเจน ไม่ใช่เข้าเพราะอารมณ์ หรือมองว่าตลาดมันขึ้นแล้ว รีบซื้ออย่าง FOMO หรือกลัวการพลาดโอกาสตามกระแส ซึ่งมันจะดอยยาว การใช้เทคนิคในการดูวอลุ่ม หรือราคาเริ่มนิ่ง เป็นตัวประกอบกับระบบที่คอยตรวจสอบและแจ้งเตือนหรือ Whale Alert ถึง Transaction ใหญ่ๆ ที่มีการโอนย้ายระหว่างกระเป๋า (Wallet) และ Exchange 

 

ไม่รู้ทันถึง Technology, Keyword และเหตุการณ์ต่างๆ ในวงการคริปโตฯ

นอกเหนือจากการที่ราคาพุ่งขึ้น และร่วงลงจากการแห่ซื้อและเทขายแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของเหรียญคริปโตฯ ดังนั้นเราควรจะรู้จัก Technology ของแต่ละเหรียญ รวมไปถึง Keyword ในวงการ และเหตุการณ์สำคัญ เช่น การ Fork ของเหรียญ การ Halving ซึ่งความเคลื่อนไหวในวงการคริปโตฯ มักจะมาเร็วไปเร็วเสมอ และทุกความเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็มักจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกเตือนมาตลอด ว่าพื้นฐานยังไม่อ่านกันเลย ลงทุนแบบไม่ศึกษาความรู้อะไรเลย แห่ตามกระแสแล้ว All in จะเจ็บหนัก ต้องเข้าใจว่าการเลือกลงทุนในเหรียญคริปโตฯ ไม่ได้พิจารณาจากผลประกอบการทางธุรกิจ แต่เป็นการลงทุนที่จะต้องพิจารณาในเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่จะเกิดขึ้นจากการนำเหรียญสกุลนั้นๆ มาใช้  

 

ไม่ศึกษาผู้พัฒนาเหรียญนั้นๆ หลงเชื่อการชวนเชิญของทีมงานโปรเจกต์เหรียญบนเว็บไซต์ออนไลน์

การเทรดเหรียญเล็กๆ ที่ถูกลิสต์เพียงไม่กี่กระดานเทรด ซึ่งอาจเป็นเหรียญปั่นราคาก็เป็นได้ โดยให้สังเกตจากวอลุ่มที่สูงผิดปกติ หรือราคาผันผวนอย่างรุนแรง โดยนักลงทุนมือใหม่ควรเทรดเหรียญบนกระดานเทรดที่เชื่อถือได้ หรือเทรดเหรียญที่ถูกลิสต์บนหลายกระดานเทรดที่มีความน่าเชื่อถือจะดีกว่า อะไรที่ยังไม่ได้เริ่มศึกษา ไม่ควรรีบลงทุน โดยเฉพาะโปรเจกต์เหรียญต่างๆ บนเว็บไซต์ที่อ้างอิงถึงทีมงานที่เก่งๆ จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก ซึ่งเราไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่าโปรเจกต์นั้นจะให้ผลตอบแทนเราอย่างไร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด มีแผนระยะยาวอย่างไร โปรเจกต์เหล่านี้มักจะเชิญชวนในลักษณะที่ว่าเทคโนโลยีของเขาดีกว่า Ethereum หรือดีกว่าบิตคอยน์ ซึ่งเป็นคำพูดเชิงมาร์เก็ตติ้งทั้งหมด โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุน

 

ช่วงที่ตลาดคริปโตฯ ร้อนแรง มีมิจฉาชีพมากมายที่ใช้โอกาสจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุนในคริปโตฯ ดีพอ หลอกลวงนักลงทุน ดังนั้นจะต้องระมัดระวังให้มาก การลงทุนสินทรัพย์ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง ควรศึกษาหาความรู้ให้เข้าใจ เทรดแบบมองข้อมูลเชิงพื้นฐาน และศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่สำคัญคือต้องใช้สติ และวิจารณญาณในการลงทุน และจะซื้อขายให้ปลอดภัย ต้องผ่านเว็บเทรดที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต อย่าง Satang Pro ที่เน้นการพัฒนาระบบความเสถียร รวดเร็ว ตลอดจนรักษามาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลและสินทรัพย์ของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising