ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2562 ตลาดไอศกรีมประเภทซอฟต์เสิร์ฟมูลค่าประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาทต้องร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือ CRG ตัดสินใจเข้ามาร่วมแจมตลาดนี้ด้วยการส่ง Soft Air เข้ามาท้าชนคู่แข่งอย่าง Dairy Queen ของไมเนอร์ ฟู้ด
สาเหตุที่ทำให้ CRG สนใจตลาดไอศกรีม แม้จะมี Cold Stone อยู่ในพอร์ตแล้วก็ตาม เพราะแม้ไอศกรีมจะไม่ใช่อาหารหลักที่ต้องกินทุกมื้อ แต่ก็เป็นของกินเล่นสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจไอศกรีมในบ้านเรามีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 1.3 หมื่นล้าน เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี
ในเวลานั้น CRG มองว่า Soft Air จะสามารถต่อกรกับ Dairy Queen ได้ไม่ยาก เพราะมีจุดเด่นที่สำคัญคือ ไอศกรีม 1 โคน สามารถใส่ไอศกรีมทั้ง 6 รสชาติ วางจำหน่ายในราคา 29-95 บาท โดย Soft Air สาขาแรกได้ประเดิมเปิดไปแล้วที่ชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์
CRG หวังกับ Soft Air ไม่มากไม่มาย ภายใน 5 ปีอยากมีรายได้ 1,000 ล้านบาทจาก 100 สาขาที่จะกระจายไปตามศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ โดย 50% จะลงทุนเอง ที่เหลืออีก 50% จะเป็นของแฟรนไชส์
แต่อย่างไรก็ตาม แผนที่วางไว้กลับไม่ได้เป็นไปตามที่คาด เพราะในเวลานี้หากเดินไปที่ตั้งเดิมของ Soft Air ที่สยามเซ็นเตอร์ เราจะพบว่าตัวร้านได้เปลี่ยนไปเป็นแบรนด์อื่นแล้ว
CRG ให้เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจปิดร้านเพียงแห่งเดียวของ Soft Air ว่า เดิมนั้นยอดขายเป็นไปด้วยดี แต่หลังจากเปิดร้านเพียง 4 เดือน กลับพบกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ศูนย์การค้าต้องปิดตัวชั่วคราว
แม้ว่าร้านอื่นๆ จะสามารถปรับตัวไปขายแบบเดลิเวอรีได้ แต่สำหรับ Soft Air นั้นไม่สามารถส่งแบบเดลิเวอรีได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องปิดร้านไปก่อน
“เราขอย้ำว่าแบรนด์ Soft Air ยังมีอยู่ ไม่ได้ยกเลิกไปเลย เพียงแต่ยังไม่ได้ทำตลาดในช่วงเวลานี้ เรายังมี Know-How และอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ครบ”
อย่างไรก็ตาม CRG ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่า Soft Air จะกลับมาเปิดอีกครั้งได้เมื่อไร ทั้งนี้ต้องประเมินสถานการณ์ต่างๆ อีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
