×

CRC รับเล็งซื้อ ‘เทสโก้ โลตัส’ แย้มอาจใช้ ‘กรีนชู’ ตั้งแต่วันแรก

โดย efinanceThai
20.02.2020
  • LOADING...

CRC คาดรายได้ใน 5 ปี โตปีละ 10-12% กระจายลงทุนในไทย-เวียดนาม-อิตาลี นำเงินระดมทุน 7 หมื่นล้านบาทลุยขยายสาขาต่อเนื่อง วางงบลงทุนปีนี้ 3-5 หมื่นล้านบาท แย้มอยู่ระหว่างพิจารณายื่นประมูลซื้อ ‘เทสโก้ โลตัส’ ฟาก บล.ภัทร แจงหุ้นร่วงตามตลาด ยันพื้นฐานยังแกร่ง แย้มวันนี้อาจใช้ ‘กรีนชู’ 

    

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า มั่นใจว่าธุรกิจของบริษัทยังเติบโตได้ดี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี โดยมั่นใจแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทได้ขยายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่

 

1.กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ

2.กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ เช่น ไทวัสดุ และ Power Buy

3.กลุ่มอาหาร ซึ่งจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค

    

โดยบริษัทคาดการเติบโตของรายได้เฉลี่ยเติบโตปีละประมาณ 10-12% เนื่องจากมีการกระจายการลงทุนในไทย เวียดนาม และอิตาลี ทั้งนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปขยายสาขาในกลุ่มประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่ ซึ่งเบื้องต้นวางงบลงทุนในปี 2563 ไว้ประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท ทั้งนี้เงินลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมกับการซื้อกิจการ

    

ด้าน ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร CRC เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเข้ายื่นประมูลซื้อกิจการ ‘เทสโก้ โลตัส’ ซึ่งคาดว่าจะยื่นประมูลในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

    

ขณะที่ อนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน สายงานวาณิชธนกิจ และตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่ในช่วงการซื้อขายหุ้น CRC ในช่วงเช้าราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองที่ 42 บาทต่อหุ้น มองว่าสาเหตุที่ราคาลดลงเป็นเพราะตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งไม่เกี่ยวกับพื้นฐานของบริษัท

   

ส่วนเรื่องการใช้ ‘กรีนชู ออปชัน’ หรือไม่นั้น จะต้องรอดูในช่วงของการซื้อขายช่วงก่อนปิดตลาดในวันนี้ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร  

   

ทั้งนี้มองว่า CRC มีจุดแข็งคือเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งมีช่องทางจำหน่ายตอบสนองกับผู้บริโภคทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงมีการกระจายการลงทุนในไทย เวียดนาม และอิตาลี ซึ่งมีกลุ่มทั้งธุรกิจกลุ่มแฟชั่น กลุ่มจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าตกแต่ง รวมถึงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

  

นอกจากนี้คาดว่าในปี 2563 จะสามารถนำบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลให้กับ ก.ล.ต. พิจารณา หลังจากที่ได้ดำเนินการโอนสินทรัพย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

เรียบเรียง: สุรเมธี มณีสุโข 

ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising