หลังจากห่างหายไป 2 ปี เพราะการระบาดของโควิด CPN เตรียมนำ ‘ลานเบียร์’ กลับมาจัดอีกครั้ง แต่จะมีในบางสาขาเท่านั้น ส่วนภาพจำอย่าง ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ นั้นคงไม่มีอีกแล้ว
ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโค้งสุดท้ายของปีจะมีแลนด์มาร์กสำคัญ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาลความสุข ทั้งงานเปิดไฟต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ตลอดจน Christmas Market ที่จำลองบรรยากาศในต่างประเทศ พร้อมกับงานฉลองเคานต์ดาวน์ในช่วงเทศกาลปีใหม่
นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน เตรียมจัดลานเบียร์ในเซ็นทรัลบางสาขา ในรูปแบบกิจกรรมกลางแจ้ง หลังจากไม่ได้จัดมานานกว่า 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของโควิด ทั้งนี้ เพื่อสร้างสีสันและรับบรรยากาศในช่วงเฉลิมฉลอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- CPN เปิดแผน 5 ปี ลงทุน 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มศูนย์การค้าและพัฒนามิกซ์ยูส ดันสัดส่วนรายได้โครงการมิกซ์ยูสแตะ 30%
- เจาะขุมทรัพย์ของ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ ในเวียดนาม ปั้นรายได้จาก 300 ล้าน พุ่งสู่ 3.7 หมื่นล้าน
- วิเคราะห์ 5 อินไซต์ ที่ทำให้ ‘Tops CLUB’ อาณาจักรสินค้านำเข้าจากทั่วโลก ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งใหญ่
“ส่วนลานเบียร์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์คงไม่มีโอกาสได้จัดแล้ว เพราะตั้งใจอยากให้เป็นศูนย์การค้าที่ปลอดแอลกอฮอล์ เพราะเรามีกลุ่มลูกค้าครอบครัวเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก”
ขณะเดียวกัน หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ประกอบกับการเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา โดยคาดว่าในปลายปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคน เห็นได้จากทราฟฟิกในศูนย์การค้าทั่วประเทศ และทราฟฟิกทัวริสต์กลับมาแล้ว
ในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากสุด และการจัดอีเวนต์ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ บริษัทจึงทุ่มงบ 500 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ ‘Embracing Happiness 2023’ ซึ่งได้จับมือกับ LINE FRIENDS หวังสร้าง Scalable Impact ทั่วประเทศ และคาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มทราฟฟิกได้กว่า 30% จากปัจจุบันที่ทราฟฟิกภายในศูนย์การค้าทุกสาขากลับมาแล้ว 100%
ยิ่งไปกว่านั้น CPN ถือเป็นค้าปลีกรายแรกในไทยที่ LINE FRIENDS เข้ามาร่วมสร้างแคมเปญ เพราะก่อนหน้านี้ LINE จะมีการจับมือกับค้าปลีกรายเล็กๆ ในประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์เท่านั้น
สำหรับแคมเปญดังกล่าวจะมีการขับเคลื่อนในหลายส่วน ทั้งการนำคาแรกเตอร์ของ LINE FRIENDS มารวมตัวอยู่ในพื้นที่แลนด์มาร์กกว่า 7,000 ตารางเมตร ใน 37 สาขา รวมถึงการเปิด LINE FRIENDS Cafe minini ครั้งแรกในไทย จากเดิมที่มีสาขาแค่ในประเทศจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยหลักๆ มุ่งให้บริการขนมและเครื่องดื่ม ประเดิมเปิดในสาขาเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัลลาดพร้าว
ควบคู่กับการเปิด LINE FRIENDS Pop-Up Store ใน 5 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และ เซ็นทรัล พระราม 9 ทุกๆ กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 – 6 มกราคม 2566
ตามด้วยการทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็นมากกว่า Shopping Center แต่จะเป็น Cross-Region แพลตฟอร์มที่สามารถคอลแลบกับพาร์ตเนอร์ในทุกๆ ธุรกิจได้ และจากนี้มีแผนจะนำเอาคอนเซปต์ LINE FRIENDS ไปโปรโมทในต่างประเทศ โดยผ่านการร่วมมือกับภาครัฐ หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย
ส่วนกลยุทธ์ที่ 3 Multi-Brands Collaboration ได้นำคอลเล็กชัน LINE มาร่วมกับแบรนด์ทั้งสินค้าแฟชั่น ขนมและเครื่องดื่ม ให้บริการเฉพาะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพื่อกระตุ้นยอดขาย
อย่างไรก็ตาม แคมเปญดังกล่าวจะเน้นเจาะกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z ที่กำลังเติบโตขึ้น รวมถึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัว และที่สำคัญเรายังได้ฐานลูกค้าจาก LINE ที่มีอยู่ 53 ล้านคน เข้ามาช่วยสร้าง Engagement โดยคาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าถี่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งผู้เช่าในศูนย์การค้าเริ่มกลับมาทำยอดขายได้ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราจึงต้องพยายามเพิ่มทราฟฟิกให้มากขึ้น โดยปัจจุบันภาพรวมของศูนย์การค้าได้กลับมา 90% ประเมินว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้จะกลับมาเทียบเท่ากับปี 2562 แม้ธุรกิจยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งเงินเฟ้อ ค่าดอกเบี้ย และน้ำท่วมที่อาจมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค