×
SCB Index Fund 2024
SCB Omnibus Fund 2024

CPF เผยกำไรปี 2564 ลดลง 49% จากพิษโควิด มั่นใจแนวโน้มปีนี้ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

25.02.2022
  • LOADING...
CPF เผยกำไรปี 2564 ลดลง 49% จากพิษโควิด มั่นใจแนวโน้มปีนี้ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2564 มียอดขายรวมอยู่ที่ 512,704 ล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 13,028 ล้านบาท ลดลง 49.9% จากปีก่อน โดยบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท

 

ทั้งนี้ ยอดขายดังกล่าวลดลงร้อยละ 13 จากปีก่อน เป็นผลจากการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมของ Chia Tai Investment Co., Ltd. เมื่อเดือนธันวาคม 2563 หากไม่นับผลกระทบจากการเปลี่ยนสถานะดังกล่าว รายได้จากการขายในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10

 

ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิดและมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของโรค โดยเฉพาะในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานของภาคธุรกิจสูงขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ต่ำกว่าปี 2563 มีปัจจัยหลักมาจากระดับราคาสุกรในประเทศเวียดนามและประเทศไทยที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง 5,087 ล้านบาท จากปี 2563 ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน แคนาดา และผลการดำเนินงานของ CPALL ที่ลดลง

 

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2565 จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากการคาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่คลี่คลาย ส่งผลให้มีความต้องการบริโภคมากขึ้น 

 

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการขาย ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสังคมรูปแบบใหม่ (New Normal)

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าว บริษัทฯ ได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 คงเหลือเป็นเงินปันผลจ่ายครั้งที่สองในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยเป็นการจ่ายจากกำไรส่วนที่หักผลขาดทุนทางภาษี ซึ่งผู้รับเงินปันผลต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร แต่ผู้รับเงินปันผลที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising