‘สมรภูมิร้านโชห่วย’ มูลค่าแสนล้านกำลังร้อนระอุเป็นอย่างมาก เมื่อเชนค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของไทยกำลังหมายตาที่จะเข้าเจาะ ล่าสุดเป็นคิวของเครือ CP ที่แม้จะมีโมเดลที่หลากหลายแต่ก็อยากบุกด้วย โดยให้แม็คโครส่ง ‘บัดดี้มาร์ท’ เป็นทัพหน้า
การเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่นี้ถูกนำโดย ‘ธนิศร์ เจียรวนนท์’ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งธนิศร์นั้นเป็นบุตรชายคนโตของ สุภกิต และ มาริษา เจียรวนนท์ ทำให้เขามีศักดิ์เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ธนิศร์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ ขึ้นรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย
- ‘เสถียร เศรษฐสิทธิ์’ แห่งคาราบาวแดง จับมือ ‘แอ๊ด คาราบาว’ ควักเงินส่วนตัวหลัก ‘หมื่นล้าน’ ลงทุนปั้นร้านโชห่วย ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ตั้งเป้า 3 ปีต้องมี 50,000 ร้านค้า
“ตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราเป็นธุรกิจค้าส่งที่มีโชห่วยเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าสำคัญ สร้างยอดขายในอัตราส่วนถึง 30% ในกว่า 30 ปีที่ผ่านมาของแม็คโคร” ธนิศร์กล่าว
บัดดี้มาร์ทจะเป็นร้านที่มีการออกแบบ วางผังการจัดวางสินค้า การเลือกสินค้า โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย รวมถึงมีระบบการจัดการสต๊อกและการสั่งซื้อสินค้าเข้าร้าน
เจ้าของร้านจะใช้งบลงทุน 4 แสนบาท แบ่งเป็นค่าเงินค้ำประกัน 2 แสนบาท และค่าปรับปรุงร้าน 2 แสนบาท (ขึ้นกับขนาดและสภาพของร้านปัจจุบัน) มี 3 ขนาดทางเลือก คือ ขนาดเล็ก พื้นที่ 48 ตารางเมตรขึ้นไป, ขนาดกลาง พื้นที่ 50-100 ตารางเมตร และขนาดใหญ่ พื้นที่ 100 ตารางเมตรขึ้นไป ส่วนทางบัดดี้มาร์ทจะลงทุนให้กับคู่ค้า มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท และยังร่วมกับธนาคารกรุงเทพในการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วย
ปัจจุบันตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท โดยธุรกิจโชห่วยมีสัดส่วนถึง 55% ของตลาดค้าปลีกไทย
ขณะที่ผลสำรวจของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าในช่วงเดือนตุลาคม 2564 พบ 87% คิดว่าร้านโชห่วยมีความจำเป็นต่อการซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคสำหรับการดำรงชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร และผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก ซึ่งจะซื้อสินค้าเล็กๆ น้อยๆ และค่อนข้างบ่อย ภายในวงเงินไม่เกิน 300 บาทต่อครั้ง
แม็คโครไม่ได้เป็นยักษ์ใหญ่รายเดียวที่ต้องการบุกตลาดโชห่วยอย่างเต็มตัว ก่อนหน้านี้ ‘เสถียร เศรษฐสิทธิ์’ แห่งคาราบาวกรุ๊ป ซึ่งได้เปิดร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ มาราว 2-3 ปี และเพิ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากธนาคารกสิกรไทยวงเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
เสถียรกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ตอนนี้ร้านถูกดี มีมาตรฐานมีอยู่ราว 5,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง “แม้จะลงทุนไปหลายพันล้านแต่ยังไม่ได้ทำกำไร แต่เชื่อว่าจะสามารถขยายได้เพิ่มถึง 10,000 ร้านภายในสิ้นปี เมื่อถึงเวลานั้นก็จะถึงจุดคุ้มทุนและทำกำไรได้สักที”
เงินที่ได้จากกสิกรไทยจะถูกนำไปใช้ลงทุนในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘คลังสินค้า’ ที่ตอนนี้เช่าอยู่ แต่ต่อไปจะสร้างเป็นของตัวเอง ซึ่งได้วางแผนสร้าง 8 แห่งกระจายทั่วประเทศ งบลงทุนแห่งละ 3 พันล้านบาท
ปีที่ผ่านมาธุรกิจถูกดี มีมาตรฐานสร้างรายได้ 5.8 พันล้านบาท ส่วนปีนี้เมื่อคำนวณจากยอดขายสาขาละ 5 ล้านบาท จะทำให้มีรายได้รวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมกับวางแผนจะเพิ่มเป็น 30,000 ร้านค้าภายในปี 2567
นอกจากนี้ยังมีบิ๊กซีที่ได้เปิด ‘ร้านโดนใจ’ ส่วนโลตัสส์ที่อยู่ในเครือแม็คโครเช่นกันก็ได้เปิดร้านที่ชื่อว่า ‘ร้านนี้ ขายดี’ โดยก่อนหน้านี้โลตัสส์ได้เพิ่มยอดขายในกลุ่มร้านโชห่วยด้วยการขายสินค้าเป็นแพ็กมากขึ้น ตลอดจนส่งพนักงานไปเดินตามร้านค้าเพื่อรับคำสั่งซื้อสินค้าต่างๆ
