วันนี้ (25 สิงหาคม) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานกรณีศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาคดี นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ฟ้อง กกต. โดยระบุว่า ตามที่ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง เขตเลือกตั้งที่ 2 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
กล่าวอ้างว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ใช้ดุลยพินิจไม่น่าเชื่อถือ เจตนาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใด ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
นิพิฏฐ์ได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องยืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และนิพิฏฐ์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาต่อศาลฎีกานั้น
วันที่ (25 สิงหาคม) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อ่านคำสั่งของศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำที่ อท.92/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อท.53/2564 โดยศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกา เนื่องจากไม่ได้เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย
ดังนั้นคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) ที่ได้พิพากษาว่า คำฟ้องโจทก์ไม่มีมูล ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงเป็นคำพิพากษาที่เป็นที่สุด