ราคาหุ้น บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ หรือ COTTO ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งมีกำไรเติบโตขึ้น 50% โดยราคาหุ้นล่าสุดวันนี้ (30 เมษายน) ในช่วงการซื้อขายภาคเช้า ราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.41 บาท หรือ 23.98% มูลค่าการซื้อขาย 2,498.46 ล้านบาท ระหว่างการซื้อขายช่วงเช้าทำราคาสูงสุดที่ 2.20 บาท และทำสถิติราคาสูงสุดใหม่รอบ 4 เดือน
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ข่าวดีของ COTTO คือผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ ออกมาดีกว่าคาดการณ์ ซึ่งเกิดจากยอดขายที่ปรับเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง นอกจากนี้หุ้น COTTO ยังอยู่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสการ Work from Home ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีที่แล้วต่อเนื่องจนถึงปลายปีที่ผ่านมา และกลับมาสร้างอานิสงส์เชิงบวกให้กับกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะอุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้านในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส 2 ปีนี้อีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลไทยยังคงรักษามาตรการควบคุมโรคระบาดด้วยการขอความร่วมมือหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ Work from Home
นอกจากนี้ทั้ง COTTO และหุ้นวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะกระเบื้อง ยังได้รับอานิสงส์จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน ทำให้กระเบื้องนำเข้าจากประเทศจีนมีต้นทุนที่สูงขึ้น ยอดผลิตและจำหน่ายกระเบื้องของบริษัทในไทยจึงปรับตัวดีขึ้น
“และยังมีอานิสงส์จากการเป็นหุ้นในเครือเอสซีจี (SCG) ซึ่งถูกคาดการณ์ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโตครั้งใหม่ ทั้งจากธุรกิจปิโตรเคมิคอล ธุรกิจวัสดุก่อสร้างและธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นในเครือเอสซีจีถูกคาดหวังเชิงบวกไปด้วย”
ทั้งนี้หุ้นที่อยู่ในเครือเอสซีจี ประกอบด้วย COTTO GLOBAL AJ SCGP
ขณะเดียวกันกระแสข่าวเรื่องการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการของ COTTO ก็เริ่มกลับมาสร้างความคาดหวังแก่นักลงทุนอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า COTTO จะควบรวมกิจการกับ บมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม หรือ UMI
โดยราคาหุ้น UMI วันนี้ (30 เมษายน) ปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น +0.27 หรือ 21.09%
ทั้งนี้ COTTO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 2,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และมีกำไรสำหรับงวด 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดีขึ้น
ฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ ได้ปรับประมาณการกำไรของ COTTO ในปี 2564-2566 เพิ่มขึ้น 11%, 12.5% และ 11% ตามลำดับ เนื่องจากได้ปรับประมาณการยอดขายเพิ่มขึ้น 1.5%, 2.2% และ 2.2% และปรับ Gross Margin เพิ่มจาก 27.9%, 28.1% และ 28.4% เป็น 28.5%, 28.7% และ 28.9% ตามลำดับ แม้ว่าในปีนี้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าแผนควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัทที่ดำเนินการมาหลายปีเริ่มเห็นผล
ขณะเดียวกันคาดว่าราคาขายเฉลี่ยของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 156.2 บาทในปีที่แล้ว เป็น 158 บาทต่อตารางเมตรในปีนี้ ตามต้นทุนที่เพิ่มตามคู่แข่งในประเทศที่มีการปรับราคาขายขึ้นแล้ว โดยรวมคาดว่ากำไรของบริษัทในปี 2564 จะเติบโต 31% เนื่องจากยอดขายและ Margin ที่เพิ่มขึ้น
จากประมาณการกำไรที่เพิ่มขึ้น ราคาเป้าหมายของเราที่คิดจาก 19x 2021F PER (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของ DCC ซึ่งทำธุรกิจเดียวกัน) เพิ่มขึ้นจาก 1.58 บาท เป็น 1.76 บาท เนื่องจากราคาในปัจจุบันยังมี Upside จากราคาเป้าหมายของเราที่ 12% เราจึงปรับคำแนะนำของเราจากถือเป็นซื้อ ความเสี่ยงคือเศรษฐกิจและความ
ทั้งนี้ บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ หรือ COTTO ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 จากการควบ 5 บริษัทย่อยภายในเครือ SCG (The Siam Cement Group) ได้แก่
- บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (TCC)
- บริษัท เดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (SGI)
- บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (SSG)
- บริษัทไทย-เยอรมัน เซรามิค อิน ดัสทรี่ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท เจมาโก จำกัด (GMG)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า